ตอบกระทู้
[ตำรา] ประวัติและข้อมูลแต่ละเผ่าพันธุ์
05-25-2022, 09:05 PM
ตำราแห่งเอลิเชียน
ประวัติและข้อมูลแต่ละเผ่าพันธุ์ คำอธิบายตำรา
ตำราเล่มนี้อุทิศแก่สภาแห่งเอเดียน โดยรวบรวมข้อมูลเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเอลิเชียน ข้อมูลในตำราเล่มนี้ถือเป็นข้อมูลลับเฉพาะของหมู่บ้านฯ การเผยแพร่เนื้อหาไม่ว่ามากหรือน้อยออกไปนอกหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดร้ายแรง จะต้องถูกพิจารณาโทษจากสภาแห่งเอเดียนอย่างถึงที่สุด
อีกประการหนึ่งตำราเล่มนี้เป็นลิขสิทธิ์ของเว็บไซต์ RoleplayTH ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลง ย่อยความมิว่าตอนใดตอนหนึ่ง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ฝ่าฝืนไม่ว่าจะทราบหรือไม่ทราบว่านำไปใช้ที่อื่นที่ใดนอกจากเว็บไซต์นี้ จะได้รับบทลงโทษทางเวทมนตร์อย่างหนักที่สุดเท่าที่สมาชิกสภาแห่งเอเดียนจะมีอำนาจร่ายได้
ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลในตำราเล่มนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการค้นคว้าหาความรู้ภายในเว็บไซต์ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
สารบัญ
05-25-2022, 09:13 PM
มนุษย์
มนุษย์ สิ่งมีชีวิตตั้งแต่อดีตและอาจจะเป็นเผ่าพันธุ์แรกก็ได้ที่เกิดขึ้นหลังจากยุคของไดโนเสาร์สิ้นสุดลง พวกเขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดาที่ไร้พลังและไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ดั่งเผ่าพันธุ์อื่น แต่มนุษย์เรานั้นมีสิ่งที่เหนือกว่านั่นก็คือสติปัญญา เนื่องด้วยมนุษย์ไม่มีพลังอำนาจใด จึงใช้สิ่งประดิษฐ์มาเป็นสิ่งทดแทนจุดนั้น พวกเขาสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่นำมาป้องกันตัวจากเผ่าพันธุ์อื่นได้ และสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นก็สามารถทำลายเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ได้เช่นกัน อย่างที่เห็นในอดีต ไม่ว่าจะยุคล่าแม่มดหรือยุคล่าปีศาจ โดยครั้งแรกเริ่มเหล่ามนุษย์ล้วนทำหน้าที่เป็นนักล่าเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติที่ต่างจากตนและไม่สนวิธีการหรือหลักการมนุษยธรรมใด ๆ แต่ก็ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะมีแต่ความคิดที่จะทำลายเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อยู่ตลอด
ดังเช่น อาเธอร์ โทมัส ฮาร์ฟีเซล อดีตนักล่าผู้มีทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาได้คลุกคลีกับเหล่าผู้คนเหนือธรรมชาติ และได้ตระหนักรู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นก็มีหัวใจ มีความรู้สึกนึกคิด มีทั้งดีและเลวปะปนกันไป และไม่ได้เลวร้ายไปซะทั้งหมด พวกเขาไม่ต่างกันกับมนุษย์อย่างเรา ๆ เลยด้วยซ้ำ เขาเลือกที่จะกลับมายืนหยัดปกป้องเหล่าเหนือธรรมชาติโดยเปลี่ยนจาก ‘นักล่า’ ให้กลับกลายเป็น ‘อัศวิน’ เพื่อปกป้อง และได้เข้าร่วมก่อตั้งสภาแห่งเอเดียนในการรักษาความสงบสุขระหว่างมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นเอาไว้ เขาได้ยกเลิกการแบ่งแยกและชนชั้นระหว่างเผ่าพันธุ์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากการก่อตั้งสภาแห่งอเดียนขึ้นไม่นานนัก บางกลุ่มในเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เกิดความเห็นต่างและแบ่งแยกกันเป็นสองฝ่ายทันที ซึ่งฝ่ายหนึ่งมีอยู่เพื่อต่อต้านการรวมเผ่าพันธุ์และไม่เห็นด้วยกับความอันตรายที่จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ร่วมกัน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยกันกับอาเธอร์และยินดีที่จะช่วยเหลือพวกเหนือธรรมชาติ จนในที่สุดความไม่ลงรอยนี้ก็ถูกหักด้วยความมุ่งมั่นของเหล่าสภาชิกสภา โดยทำให้เรื่องราวการแตกแยกนั้นจบลงไปได้ในสถานที่ที่เรียกว่า ‘เอลิเชียน’ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ปราศจากความขัดแย้ง ประชากรในหมู่บ้านจะต้องปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมและเคารพซึ่งกันและกัน
เมื่อความสงบสุขกลับมาอีกครั้งตำแหน่งอัศวินในสภาก็มีการสืบทอดส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคน จนในปัจจุบัน เฟลิกซ์ อควาบอร์น เป็นผู้รับตำแหน่งอัศวินแห่งเอลิเชียน
05-25-2022, 09:55 PM
แวมไพร์
แวมไพร์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติและมีต้นกำเนิดไม่แน่ชัด แต่ก็มีประวัติมายาวนานมากแล้วเช่นกัน กล่าวได้ว่าเรื่องเล่าของแวมไพร์หรือ ‘ผีดูดเลือด’ มีเรื่องเล่ามาตั้งแต่สมัยกรีกโรมัน หรือนานกว่านั้น ถือว่าเป็นเทพนิยายและเรื่องเล่าปรัมปรามาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน แวมไพร์ตนแรกที่ทุกคนรู้จักกันดีมีชื่อว่า ‘ลิลิธ’
แวมไพร์เกิดขึ้นได้จากการที่มนุษย์ถูกปลูกถ่ายเลือดโดยแวมไพร์ในช่วงเวลาใกล้สิ้นใจ หลังจากนั้นจะเกิดแวมไพร์ตนใหม่ขึ้นมาโดยเราจะเรียกกันว่า ‘แวมไพร์เกิดใหม่’ เมื่อการแปรสภาพเสร็จสิ้นแล้ว แวมไพร์เกิดใหม่ก็จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนตอนก่อนจะตาย และจะคงอยู่ในรูปลักษณ์นั้นไปตลอดกาล แวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะหากไม่โดนฆ่าตายด้วยวิธีการพิเศษ และพวกเขาก็อยู่กันอย่างกระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก แต่มีผู้นำที่มีอำนาจและทรงพลังมากที่สุดคือ วินเซนต์ แวมไพร์ที่มีอายุและพลังแก่กล้ามากที่สุด ณ ตอนนั้น
เมื่อสงครามเผ่าพันธุ์สิ้นสุดลง วินเซนต์เองก็ได้สละตนเองเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์แวมไพร์ ปัจจุบันผู้นำแวมไพร์ที่มีอายุมากที่สุดและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสภาเอเดียนนั้นมีอยู่สองตน คือ เมลวีเนียส วีด้า คลาร์ก และ เซเวียร์ คาร์ธไฮเซอร์ ที่รับตำแหน่งผู้นำจิตวิญญาณรัตติกาล โดยที่ทั้งสองคนนั้นมีวินเซนต์เป็นผู้สร้างร่วมกัน
พวกแวมไพร์มีพละกำลังมหาศาล และความเร็วที่เหนือมนุษย์ มีเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าเท่านั้นที่เทียบเคียงกันได้ ในอดีตพวกเขาไม่สามารถยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ได้เลย แต่ในปัจจุบันได้มีการวิวัฒนาการไปมาก แวมไพร์สามารถใช้ชีวิตในเวลากลางวันได้หากพวกเขาสวม ‘เดย์ไลท์ริง’ ที่ถูกสร้างโดยเหล่าพ่อมดแม่มด อาหารหลักของแวมไพร์ก็คือเลือดสด ๆ ซึ่งในปัจจุบันแม้จะมีแวมไพร์บางตนที่ยังคงดื่มเลือดมนุษย์อยู่ แต่พวกเขาก็มีทางเลือกในการดื่มเลือดชนิดอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น เช่น เลือดจากสัตว์ หรือเลือดสังเคราะห์ ฯลฯ
เรื่องการกินในปัจจุบันแวมไพร์สามารถรับประทานอาหารมนุษย์ได้ สามารถรับรู้รสชาติของอาหาร แต่ไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ และการฆ่าคนเพื่อดื่มเลือดนั้นก็ผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน แวมไพร์ในยุคปัจจุบันจึงมักจะหันไปดื่มเลือดชนิดอื่นแทน เนื่องจากเลือดสัตว์นั้นหาซื้อได้ง่ายและราคาถูกกว่า แต่ก็มีแวมไพร์บางส่วนที่มีกำลังมากพอที่จะหาซื้อเลือดถุงจากโรงพยาบาลมาดื่มได้เหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าราคานั้นต่างจากเลือดสัตว์มากเชียวล่ะ แวมไพร์ในปัจจุบันจึงสามารถใช้ชีวิตได้ราวกับมนุษย์ทั่วไป บางทีหมอในโรงพยาบาลบางแห่ง หรือทนายความเองก็มีพวกเขาปะปนอยู่ด้วยเหมือนกัน
ข้อมูลจำเพาะ
ความสามารถเบื้องต้น
ข้อจำกัดและจุดอ่อน
การฆ่าแวมไพร์ แว ไพร์ าม ร ต ด้ ย ธี าร อ เ น ด แ น ว และ า เ นวิ ี รที่ไ ลที่สุด การ ก มุ ที่ า ก ห ือ วใ นั้นสาม รถ า ด้เพียงเฉพาะแวมไพร์ที่ หากเป็นแวมไพร์ที่มีพลังมาก จะทำได้เพียงห ารเคลื่อนไหว วค า สามารถ ได้ต่อเมื่อ น วนแล้วนำไป แวมไพร์ที่ จน เป็ น บางตนอาจไม่ตายเพียง ค่ บไ ไม่ หากได้ เ จาก ก็ตามสามาร กลับ ้ เพิ่มเติม: ในส่วนการ า นั้น กนักล่าและพวก อธ ดี ยกเว้นมนุษย์ปกติธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเหนือธรรมชาติ
05-25-2022, 11:03 PM
เผ่าธรรมชาติ
ข้อมูลเบื้องต้น
ชาวเงือก เงือก เป็นคำเรียกสิ่งมีชีวิตครึ่งมนุษย์ครึ่งปลา ตำนานของเงือกมีปรากฏอยู่ทั่วทุกมุมโลก แม้แต่ในทะเลสาบทาโฮ ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านเอลิเชียน เมื่อก่อนนั้นเผ่าเงือกอยู่อย่างสงบสุขภายใต้อาณาจักรใต้น้ำซึ่งอยู่ทับซ้อนกับมิติของมนุษย์ จะต้องผ่านถ้ำวิเศษที่มีเพียงเผ่าเงือกเท่านั้นที่จะมองเห็นจึงจะสามารถไปยังอาณาจักรใต้น้ำนั้นได้ หลังจากปี 1850 สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ได้ยุติลง แต่การช่วงชิงบัลลังก์กันระหว่างผู้นำเผ่าเงือกและน้องชายของตนก็ทำให้เผ่าเงือกถูกแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งปกครองอาณาจักรใต้น้ำ ส่วนอีกฝ่ายนั้นหลบหนีออกมาอยู่บนบกตั้งแต่ปี 1859 นำโดย คาลิปโซ เงือกสาว อดีตผู้นำเผ่าเงือก โดยให้ใช้การแช่ร่างของตนเองในน้ำแทนเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ขณะเดียวกันฝ่ายที่ปกครองอาณาจักรใต้น้ำนั้นก็ยังมีความโกลาหล แก่งแย่งชิงดีกันอยู่ตลอดมา ท้ายที่สุดแล้วอาณาจักรใต้น้ำก็ล่มสลาย เหลือเพียงฝ่ายที่ใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์อยู่บนบกเท่านั้น ปัจจุบัน เรจิน่า คลอเดีย อควาบอร์น รับตำแหน่งผู้นำจิตวิญญาณสมุทร
ชาวเงือกมักจะชุมนุมอยู่บริเวณริมทะเลสาบทาโฮ อันเป็นสถานที่ที่พวกเขาจะได้ซึมซับพลังแห่งธาตุน้ำได้มากที่สุด และเนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์กับผืนน้ำ และยังสามารถพูดคุยกับปลาได้อีก พวกเขาจึงไม่ชอบใจอย่างมากที่มีธุรกิจการตกปลาเกิดขึ้นที่ทะเลสาบทาโฮ
ความสามารถของเผ่าชาวเงือกคือสามารถสลับระหว่างหางปลาและขามนุษย์ได้อย่างอิสระ ทว่าจะถูกจำกัดความสามารถในการสลับไปมาโดยปริยายหากท่อนล่างของร่างกายเปียกน้ำทั้งหมด ชาวเงือกมีความสัมพันธ์กับแหล่งน้ำทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ห้วย หนอง คลอง บึง แม่น้ำ ทะเลสาบ ทะเล มหาสมุทร ฯลฯ โดยจะสามารถควบคุมน้ำได้ตามระดับพลัง สร้างคลื่นน้ำ สร้างน้ำวน ทำให้วัฏจักรน้ำขึ้นน้ำลงแปรปรวนได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการว่ายน้ำอย่างเก่งกาจ
น้ำตาของชาวเงือกนั้นมีพลังเยียวยาอาการบาดเจ็บ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของชาวเงือกขณะหลั่งน้ำตา หากชาวเงือกหลั่งน้ำตาด้วยอารมณ์เชิงบวกไม่ว่าจะเป็นดีใจหรือหวังดี พลังเยียวยานั้นจะมีอำนาจมหาศาล กลับกันหากเป็นอารมณ์เชิงลบหรือถูกบังคับให้หลั่งน้ำตา พลังดังกล่าวจะลดลงมาอย่างมาก นอกจากนี้ เสียงของพวกเขามีความกังวานใสและไพเราะหาที่เปรียบมิได้ จนสามารถสะกดจิตผู้อื่นได้เลย
ชาวเงือกมีอายุยืนยาว พวกเขาจะโตเต็มที่เมื่ออายุ 25 ปีบริบูรณ์ จากนั้นร่างกายจะคงอยู่ในสภาพหนุ่มสาวกระทั่งหมดอายุขัย เคยมีบันทึกสูงสุดว่าพบชาวเงือกอายุ 214 ปี แต่เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องทำการแช่น้ำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ หากขาดน้ำเป็นระยะเวลานานจะทำให้พลังของพวกเขาอ่อนแรงลงจนสามารถเสียชีวิตได้เลย
ข้อมูลจำเพาะ
ความสามารถ
ข้อจำกัดและจุดอ่อน
05-25-2022, 11:09 PM
เผ่าแฟรี่
สิ่งมีชีวิตตัวแทนจิตวิญญาณแห่งผืนป่า แฟรี่ ภูตผู้ดูแลรักษาป่าไม้ พวกเขาอาศัยอยู่ทั่วในพื้นที่แถบชายป่า ในสมัยก่อนพวกเขายังมีขนาดตัวที่เล็กอยู่ ทว่าเมื่อเหล่าแฟรี่ได้เข้ามามีความสัมพันธ์กับมนุษย์ พลังแห่งธรรมชาติจึงดลให้พวกเขามีความเป็นมนุษย์มากขึ้นด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น แต่แลกมาด้วยความสามารถในการบินที่ลดลง แฟรี่ตนแรกที่เข้าร่วมก่อตั้งสภาแห่งเอเดียนมีนามว่า ลิเลีย เหตุเกิดจากสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์นั้นส่งผลกระทบต่อผืนป่า การต่อสู้ทำให้ป่าถูกเพลิงไหม้ไปเป็นวงกว้าง เธอจึงไม่ต้องการที่จะให้สงครามดำเนินต่อไปอีก
ปัจจุบัน อเล็กซานเดอร์ แลมแบร์ต ดำรงตำแหน่งผู้นำจิตวิญญาณพฤกษา ถือเป็นผู้นำจิตวิญญาณที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าแฟรี่ ด้วยความสามารถอันเก่งกาจของเขา ทำให้ได้รับการยอมรับจากเผ่าและขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำได้อย่างไม่ยากเย็น
พวกเขามีความสามารถในการบินได้ด้วยปีกที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้ในรูปแบบของรอยสัก เมื่อต้องการจะใช้ปีก รอยสักดังกล่าวจะลอยออกมาเป็นละอองแสงที่มีรูปร่างเป็นปีก ทว่าเนื่องจากขนาดตัวของแฟรี่ในปัจจุบันทำให้พวกเขาบินได้ไม่สูง และไม่ไกลมาก พวกเขาสามารถควบคุมการเจริญเติบโตของพืชพรรณต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ และยังสื่อสารกับพืชพรรณได้อีกด้วย นอกจากนี้พวกเขาก็สามารถสร้างลูกไฟขนาดย่อม ซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับการโจมตีเพื่อป้องกันตัวจากอันตราย
พวกแฟรี่มีอายุที่ยืนยาวเป็นอย่างมาก สามารถยืนยาวได้ 500 ถึง 1,000 ปี แต่พวกเขาก็สามารถเสียชีวิตได้ตามปกติเหมือนมนุษย์ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เลือดของแฟรี่มีความหอมหวานอย่างมากสำหรับแวมไพร์ เป็นที่ดึงดูดให้ตกเป็นเหยื่อของอมนุษย์เหล่านั้นเสมอ แวมไพร์ที่ได้ดื่มเลือดของแฟรี่จะสามารถเดินกลางแสงแดดได้ โดยแฟรี่เคราะห์ร้ายตนนั้นมีอายุเท่าใด ให้เปลี่ยนหน่วยปีเป็นชั่วโมง จะเป็นจำนวนชั่วโมงที่แวมไพร์จะทนทานต่อแสงแดดได้
ข้อมูลจำเพาะ
ความสามารถ
ข้อจำกัดและจุดอ่อน
05-25-2022, 11:49 PM
แม่มด - พ่อมด
เชื่อว่าทุกท่านคงรู้จักแม่มดกันดี ภาพลักษณ์ของแม่มดที่ติดตาเรา มักเป็นหญิงแก่ แต่งกายด้วยชุดสีดำ มีความน่ากลัวและลี้ลับ สามารถใช้เวทมนตร์คาถา ขี่ไม้กวาดบินไปมาได้ แม่มดมีแต่ผู้หญิงไม่มีผู้ชาย หรือมีเหมือนกัน แต่พวกนี้เราจะเรียกว่าพ่อมดหรือ wizard ตัวอย่างของ wizard ที่หลาย ๆ ท่านน่าจะรู้จักกันดีก็คือ เมอร์ลิน พ่อมดเฒ่าที่ปรึกษาของพระเจ้าอาร์เธอ
พ่อมดแม่มดคือพวกที่ต้องการศึกษาหาความรู้ ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ อาจจะด้วยแนวทางที่มีคุณธรรมหรือไร้มนุษยธรรมก็ได้ จะว่าไปพวกเขาก็เหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่เอาแต่สนใจค้นคว้าทดลองเพื่อหาความรู้โดยไม่เลือกวิธีการ และไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนมนุษย์ จนในบางครั้งความเก่งกาจและความรู้ในศาสตร์ลึกลับก็นำมาซึ่งวิธีการเหนือธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยืดอายุขัยของตนเองจนยาวนานกว่า 100 ถึง 200 ปี หรือแม้แต่การคงสภาพวัยเยาว์ของตนเองไว้ตลอดอายุขัย ถึงอย่างนั้นผู้มีเวทมนตร์ก็ต้องทำมาหากินเหมือน ๆ กับคนทั่วไป รายได้ของพ่อมดแม่มดส่วนใหญ่มาจากค่าตอบแทนในการทำพิธีไสยศาสตร์ และการขายเครื่องรางของขลัง โดยส่วนใหญ่ในยุคก่อนจะทำโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นจากการกระทำนี้ เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป ในปัจจุบันการกระทำที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเริ่มถูกจำกัดให้มีอิสระลดน้อยลง แต่พวกเขาก็ยังคงสืบสานการทำพิธีไสยศาสตร์รวมทั้งเครื่องรางของขลังอยู่เช่นเดิม หากแต่ต้องถูกจ้างด้วยจำนวนเงินที่มากพอ
โดยส่วนใหญ่แล้วพ่อมดแม่มดนั้นจะไม่มีการแบ่งฝักฝ่ายว่าอยู่สายดำหรือขาวอย่างในนิทานปรัมปรา แต่พวกเขานั้นเป็นสีเทาเสียมากกว่า พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งของที่มีเวทมนตร์จากการสัมผัส มองเห็น หรือได้กลิ่น สามารถติดต่อภูต ผี หรือปีศาจ ในอีกภพหนึ่งได้ แม้แต่การติดต่อกับซาตาน หากมีพลังที่แข็งแกร่งพอ
ในยุคแรกเริ่มสงครามการล่าแม่มดเกิดขึ้น เหล่าผู้มีเวทมนตร์ต้องระหกระเหินหาที่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต จนเกิดกลุ่มพ่อมดแม่มดพเนจรโดยมี โบรเดริค ฟลอเซนไทน์ ผู้เป็นผู้นำกลุ่ม เขาเป็นพ่อมดที่กล้าหาญและเก่งกาจ คอยปกป้องกลุ่มพ่อมดแม่มดพเนจรในยุคล่าอาณานิคม จนกระทั่งได้ทำการก่อตั้งสภาแห่งเอเดียนร่วมกับผู้นำเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ณ เอลิเชียน เพื่อการรักษาสันติภาพและความสงบสุขของเหล่ามนุษย์และเหนือมนุษย์ไว้ด้วยกัน เมื่อเวลาผันผ่านการส่งต่อหน้าที่นี้ก็ถูกส่งให้แก่ผู้ที่ถูกเลือกไปเรื่อย ๆ จนในปัจจุบัน ลุยซ่า เบียทริกซ์ ฟลอเซนไทน์ เป็นผู้รับตำแหน่งผู้นำจิตวิญญาณมนตรา
ข้อมูลจำเพาะ
ความสามารถ
ข้อจำกัดและจุดอ่อน
ประเภทของภูตรับใช้ เป็นสัตว์ชนิดใดก็ได้ ทุกพิธีกรรมต่าง ๆ ของเหล่าพ่อมดแม่มดจำเป็นจะต้องมีสัตว์ภูตรับใช้เข้าร่วมประกอบพิธีด้วยเพื่อเพิ่มค่าพลังเวท และสัตว์ที่เสริมพลังเวทได้ดีมากที่สุดคือ “แมวดำ” พ่อมดแม่มดจะได้รับภูตรับใช้เพื่อไปผูกพันธสัญญาเมื่อขึ้นมาถึงระดับ 3 แล้วเท่านั้น
05-26-2022, 12:09 AM
มนุษย์หมาป่า
เป็นอันทราบกันดีว่ามนุษย์หมาป่าเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันกับสายเลือดแวมไพร์ แม้จะถูกจัดอยู่ในประเภทที่คล้ายคลึง หรือในตำราบางเล่มก็รวมเป็นประเภทเดียวกันเลยทีเดียว ที่มาและสาเหตุแรกเริ่มของการกำเนิดสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ถูกเล่าขานในหลากหลายรูปแบบโดยมักวนเวียนอยู่ภายใต้ความเข้าใจว่าเป็นการประทุษร้ายจากแม่มดคนใดคนหนึ่ง แม้จะไม่มีตำนานฉบับใดเลยที่มีหลักฐานประกอบหรือน่าเชื่อถือมากพอ แต่หนึ่งสิ่งที่เชื่อได้อย่างแน่นอนเลยคือ ‘สายเลือดมนุษย์หมาป่าเป็นดั่งคำสาปติดตัว’ หนำซ้ำยังเป็นคำสาปที่สามารถส่งต่อไปยังชีวิตอื่น ทั้งจากรุ่นสู่รุ่น และจากการกัดหรือข่วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอย่างแรกมีแนวโน้มที่จะควบคุมตัวเองได้ดีกว่า ผ่านการฝึกฝนที่ใช้เวลาทั้งชีวิตนับตั้งแต่ลืมตาตื่นบนโลก
เหล่าครึ่งมนุษย์ประเภทนี้เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีข้อจำกัดเยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความพ่ายแพ้ต่อวูล์ฟเบน เถ้าภูเขา และแร่เงินบริสุทธิ์ ไหนจะเป็นสภาวะทางกายภาพที่ถูกควบคุมได้อย่างง่ายดายด้วยดิถีของดวงจันทร์ ยกตัวอย่างเช่นการอ่อนแอลงอย่างน่าเวทนาในคืนจันทรุปราคา หรือการขาดความสามารถในการควบคุมตัวเองในคืนจันทร์เต็มดวง แม้อย่างหลังจะสามารถทดแทนด้วยความช่วยเหลือของมุกดาหารก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ ข้อเสียทั้งหมดนั้นก็แลกมาซึ่งพละกำลังมหาศาลในยามปกติ ความว่องไวและประสาทสัมผัสที่ไม่เป็นสองรองใคร ความสามารถเฉพาะในการมองเห็นในที่มืด ดูดซับความเจ็บปวด ถ่ายโอนความทรงจำ และในการเยียวยาบาดแผลของตัวเอง ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมอายุไขที่มากกว่ามนุษย์ทั่วไปราว 150 ถึง 300 ปี นับเป็นสายเลือดที่เหมาะสมกับการต่อสู้มากเป็นอันดับต้น ๆ เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการต่อสู้ด้วยการใช้จำนวนคนที่มากกว่ารุมเป้าหมายเดียวกัน สมวลีหมาหมู่ที่อยู่เคียงคู่กันมาอย่างยาวนาน
ในสายเลือดทั้งหมดที่อาศัยอยู่ร่วมกันในเอลิเชียน มนุษย์หมาป่าอาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่มีการแบ่งแยกชนชั้นชัดเจนจนแทบจะเรียกได้ว่าวรรณะ เลื่องลือที่สุดคงไม่พ้นหัวหน้าฝูงอย่าง ‘อัลฟ่า’ เจ้าของดวงตาสีแดงฉาน สมาชิกของฝูงอย่าง ‘เบต้า’ และ ‘โอเมก้า หรือโลนวูล์ฟ’ ที่เลือกอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวแทนการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ซึ่งทั้งสองเป็นเจ้าของดวงตาทั้งสีเหลืองและ/หรือสีฟ้าใส
กระนั้นแล้วครึ่งหมาป่าทุกตัว ในทุก ๆ ประเภท สามารถพัฒนาตนเองได้ผ่านการฝึกฝนและควบคุมอารมณ์ ยิ่งเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์มากเท่าใด ทักษะในการกลายร่างและความสามารถเฉพาะสายเลือดก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น บุคคลที่รู้มากพอจะพบว่ามนุษย์หมาป่าที่ขั้นสูงมักใจเย็นและมีสติอย่างน่าประหลาดใจ แตกต่างจากภาพจำส่วนมากที่สร้างขึ้นโดยพวกขั้นต่ำกว่าที่จะกลายร่างและแสดงออกถึงสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่ซ่อนอยู่ภายในหมาป่าทุกตัวทันทีที่ถูกอารมณ์ฉุนเฉียวครอบงำ
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ คือชนชั้นที่ชัดเจนสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามความสามารถของแต่ละบุคคล เบต้าหรือโอเมก้าสามารถขึ้นเป็นอัลฟ่าได้โดยการแยกออกไปรวมฝูงเองหรือชนะการต่อสู้กับหัวหน้าฝูงตัวเก่าหรือสังหารอัลฟ่า ในขณะเดียวกัน อัลฟ่าที่พ่ายแพ้ให้กับหัวหน้าฝูงตัวใหม่ก็จะถูกลดสถานะทางชนชั้นเช่นกัน หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นอดีตผู้นำจิตวิญญาณหมาป่าอย่าง โกเธล บรี เฟอร์นาลิซ ซึ่งนอกจากจะยกสถานะของตัวเองจากเบต้าขึ้นมาเป็นอัลฟ่าได้สำเร็จ ก็ยังเป็นอัลฟ่าเพศหญิงตัวแรกในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน
ในปัจจุบัน อารยธรรมการอาศัยรวมกันเป็นฝูงในผืนป่าเป็นสิ่งที่ถูกละทิ้งหลังการก่อตั้งของหมู่บ้านเอลิเชียน เหล่ามนุษย์หมาป่าใช้ชีวิตดั่งมนุษย์ทั่วไป ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยและประกอบอาชีพในสายงานที่ตนพอใจ การร่วมกลุ่มถูกแทนที่ด้วยการชุมนุมกับฝูงที่สังกัดอยู่ในหลาย ๆ ครั้ง ขณะที่โอเมก้าเลือกใช้ชีวิตโดยไม่คบหากับคนอื่น ๆ ในเผ่าพันธุ์ และผู้รับตำแหน่งผู้นำจิตวิญญาณหมาป่าคนปัจจุบันคือ ปีเตอร์ เบนส์
ข้อมูลจำเพาะ
ความสามารถเบื้องต้น
ข้อจำกัดและจุดอ่อน
|
ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้: |
1 ผู้เยี่ยมชม |