ENCHANTER
DE DEVILISH

PHYSICAL TRAITS ★ 
ชายหนุ่มรูปร่างเล็ก มีส่วนสูงเพียง 166 เซนติเมตร ผิวขาวนวลและมีไขมันสะสมเล็กน้อย ไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อ เนื่องจากไม่ชอบออกกำลังกาย โซราเรียสายตาสั้น 300 ทำให้เขามักสวมแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์อยู่เสมอ และเขามักใส่รองเท้าหนังเสริมส้นที่เพิ่มความสูงอย่างน้อย 7 เซนติเมตร  

การแต่งกายของโซราเรียเน้นไปทางเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เขาชอบสวมเสื้อผ้าสีขาวที่ดูสะอาดตา พร้อมกางเกงที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย เพื่อให้ดูมีขนาดตัวที่ใหญ่และดูสูงขึ้นเล็กน้อย โซราเรียยังชอบใส่เครื่องประดับ เช่น ตุ้มหู กำไลข้อมือ และกำไลข้อเท้า ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในลุคของเขา  

ใบหน้าของโซราเรียมีลักษณะเป็นรูปไข่ มีดวงตาที่ดูคมคล้ายตาแมว จมูกโด่ง และริมฝีปากอมชมพูที่ดูสุขภาพดี เขามีเขี้ยวเล็ก ๆ ที่ดูโดดเด่น ซึ่งเกิดจากการตกแต่งฟันโดยทันตแพทย์ เขามักมีใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม ดูอ่อนโยนและน่าเข้าหา แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นซ่อนความลึกลับและความซับซ้อนในตัวตน

PERSONALITY TRAITS ★ 
โซราเรียเป็นคนที่มีความสมดุลระหว่างความเข้มแข็งและความอ่อนไหว เขาแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานในทุกสิ่งที่ทำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความรู้สึกของคนรอบข้าง เป็นคนร่าเริงที่มักแสดงออกด้วยท่าทางสบาย ๆ และรอยยิ้มที่อ่อนโยน

เป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบและค่อนข้างเคร่งครัดกับตัวเอง ภายนอกจะดูสบาย ๆ แต่ในใจเขามักตั้งมาตรฐานที่สูงในทุกเรื่อง เขามีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ซึ่งสะท้อนออกมาในงานศิลปะที่เขารัก  

HISTORY ★ ( tw:  mental health / family issue )
โซราเรีย อาร์เชอร์ เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางชนชั้นสูงในเมืองอาร์ลส์ แคว้นโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส เขามีพี่ชายฝาแฝดที่เกิดก่อนเขาเพียงเดือนเศษ และพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องนามว่า นีเน็ตต์ อาร์เชอร์ ที่ในปัจจุบันชื่อ นีเน่ต์ อาร์เชอร์ ทั้งสามมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น พี่ชายของเขามักเรียกเขาว่า เซียร์ร่า ชื่อเล่นที่คนใกล้ชิดใช้เรียกอย่างสนิทสนม  

โซราเรียเติบโตขึ้นมาในบ้านที่บิดาเป็นผู้เลี้ยงดูหลัก เลย์น กอนซาเลซ ผู้เป็นบิดาทำงานเป็นนักบัญชีผู้รอบคอบและอุทิศตนเพื่อครอบครัว แม้ชีวิตดูสมบูรณ์แบบ แต่โซราเรียกลับไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมารดาเลย ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือใบหน้า สิ่งนี้กลายเป็นปริศนาที่หลอกหลอนในใจของเขามาโดยตลอด  

เมื่อโซราเรียอายุ 9 ปี ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บิดาของเขาได้จบชีวิตลงด้วยการแขวนคอต่อหน้าต่อตา โซราเรียที่ยังเด็กในตอนนั้นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เขายังจำได้ถึงวันที่ฝนตกหนักในงานศพ และการเดินทางไกลไปยังสุสานที่ปัจจุบันเขาจำไม่ได้แม้แต่ที่ตั้ง ภาพทั้งหมดในวันนั้นเลือนลาง ราวกับว่าเขาไม่ต้องการที่จะนึกถึงมัน และไม่ต้องการจดจำมันเอาไว้ เขาทำได้แต่เพียงเก็บมันไว้เป็นส่วนลึกในจิตใจเงียบ ๆ เหตุการณ์นั้นทำให้เขาเริ่มมีภาวะไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) ที่แสดงออกมาในรูปแบบของอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงรุนแรง  

หลังจากเหตุการณ์นั้น โซราเรียถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เขาตื่นขึ้นมาพร้อมความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อและความรู้สึกที่อ้างว้าง ในระหว่างการรักษา เขาตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพราะไม่สามารถตามพี่ชายฝาแฝดได้ทัน  

เมื่อออกจากโรงพยาบาล โซราเรียย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านเอลิเชียน หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา โซราเรียเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คำสาปเอลิเชียนปี 2023 ในภารกิจหนึ่ง ผู้ร่วมภารกิจได้ทำผิดพลาดจนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่หอสมุด เปลวไฟลุกลามจนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์หลายคน แม้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่เหตุการณ์นี้สร้างบาดแผลลึกในจิตใจของโซราเรีย เขากลายเป็นคนที่มีอาการ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ร่วมกับอาการเดิมโดยเฉพาะเมื่อเจอสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเปลวไฟขนาดใหญ่  

หลังจากเหตุการณ์ที่หอสมุด โซราเรียพยายามหาความสงบในชีวิต จนกระทั่งเขาได้พบกับมนุษย์หมาป่าคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยนกลับจบลงอย่างไม่สมหวัง ความผิดหวังครั้งนี้ผลักดันให้เขาออกเดินทางกลับไปยังฝรั่งเศส เพื่อเริ่มต้นกิจวัตรใหม่ด้วยการเข้าศึกษาในสาขาจิตรกรรมที่มหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดังในประเทศบ้านเกิด

ระหว่างที่เรียนอยู่ในฝรั่งเศส ศิลปะกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเยียวยาและสะท้อนความเจ็บปวดในอดีต ระหว่างเรียนโซราเรียก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างฝรั่งเศสและอเมริกาบ่อยครั้ง การกลับมาครั้งหนึ่งทำให้เขาได้พบกับ อาร์เทมิส เคอวิน การ์เร็ต หรือ มาร์คัส เคอวิน มาร์ติเนซในปัจจุบัน

มาร์คัสเป็นบุตรชายของตระกูลมาร์ติเนซผู้มั่งคั่ง ตระกูลมาร์ติเนซมีชื่อเสียงและทรัพย์สินจำนวนมาก แม้ทั้งสองจะมีสถานะทางสังคมที่เท่าเทียมกัน มาร์คัสใช้ชื่อปกปิดตัวตนเดิมของเขาในฐานะ "อาร์เทมิส" ด้วยความเข้าใจผิดหลังจากถูกทอดทิ้ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากความเข้าใจในกันและกัน มาร์คัสเข้ามาเติมเต็มความว่างเปล่าในใจของโซราเรีย

เมื่อความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น โซราเรียได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอดีตของมาร์คัส แต่เขายอมรับในตัวตนของอีกฝ่ายอย่างไม่มีเงื่อนไข ในปี 2024 ทั้งคู่ตัดสินใจหมั้นหมายและจดทะเบียนสมรสกัน หลังจากเหตุการณ์คำสาปเอลิเชียนที่มาร์คัสคอยดูแลเขาอยู่ไม่ห่าง ความรักของพวกเขากลายเป็นบทใหม่ในชีวิตของโซราเรีย ที่เต็มไปด้วยความหวังและโอกาสใหม่  

โซราเรียใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหมู่บ้านเอลิเชียนร่วมกับมาร์คัส เขายังคงสร้างงานศิลปะที่สะท้อนทั้งความเจ็บปวดและความสุข พร้อมทั้งเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเองและก้าวข้ามบาดแผลในใจ ชีวิตของโซราเรียคือบทเรียนแห่งความเข้มแข็ง และการยืนหยัดเพื่อเริ่มต้นใหม่เสมอ

Noémie Archer

Ninette Archer

Lennox Archer

Weller Macdecia

Veromar V. F.

Alvis L. Estelle

Zinnia A. Lawis

Icarus V. Deluar

Miller L. Alan

Louisa B. Flozentine

Klaus T. Lance

Pinkberry Perlman

Marcus Archer

Zachary K. Laine

Zephyr Laine

Valentin Elandria

Julisia Jessica

Louis M. Gonzalez

ENCHANTER
DE DEVILISH

PHYSICAL TRAITS ★ 
ชายร่างสูงโปร่งสูง 179 เซนติเมตร ราฟาเอลมักจะสวมเสื้อสีขาวกางเกงแสล็กเหมือนกับแพทน์ทั่วไปที่มักจะสวมใส่กัน เขาไม่ชอบพกอะไรออกจากบ้านชอบไปไหนมาไหนแบบตัวเปล่า บางครั้งมีการสวมต่างหูหรือกำไลข้อมือบ้าง แต่สิ่งที่เขาพกติดตัวตลอดคือนาฬิกาของตนเอง

PERSONALITY TRAITS ★ 
ราฟาเอลเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูงและรักความสมบูรณ์แบบอย่างมาก เขาตั้งใจทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด และจะไม่ยอมให้สิ่งใดๆ มาทำให้เขาหยุดทำตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ การรักษาความสะอาดและระเบียบเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แต่เขาก็มีอารมณ์อ่อนไหวและบางครั้งอาจแสดงความเครียดออกมาได้หากสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ราฟาเอลมักจะหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความรู้สึกให้ผู้อื่นเห็น ทำให้เขาดูเป็นคนที่ห่างเหินและโดดเดี่ยว

แม้จะมีความสามารถในการรักษาคนไข้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ายังขาดสิ่งสำคัญในชีวิต นั่นคือ ความสัมพันธ์ที่แท้จริงและความเข้าใจจากผู้อื่น เมื่อเขามาถึงเอลิเชียน เขาจึงเริ่มมองโลกในมุมใหม่และพยายามหาความสุขในสิ่งที่เป็นจริง ไม่ใช่แค่ความสมบูรณ์แบบที่เขาเคยหลงไหล

ราฟาเอลยังคงมีความลังเลที่จะเปิดใจให้กับความรักและการสร้างครอบครัว แม้ว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียพ่อแม่จะยังคงตามหลอกหลอนเขา แต่เขาก็พยายามเรียนรู้ที่จะมีชีวิตในแบบของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจากผู้ใด

HISTORY ★ ( tw: family issue )
ราฟาเอล เลเฟบวร์ เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ในปี 1989 ที่เมือง เอ็ดมันตัน ประเทศแคนาดา ครอบครัวของเขามีการฝึกฝนความรู้ด้านเวทมนตร์มาเป็นเวลานาน และเป็นครอบครัวที่มีความรู้ลึกซึ้งในการผสมผสานเวทมนตร์เข้ากับการแพทย์ การรักษาแบบผสมผสานระหว่างเวทมนตร์และวิทยาศาสตร์ทำให้ราฟาเอลมีความสามารถพิเศษในด้านนี้ตั้งแต่ยังเด็ก

ราฟาเอลเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเคร่งครัดทางการศึกษา พ่อของเขา ท่านชายอ็องเดร เลเฟบวร์ ผู้เป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียงในทางการแพทย์ที่คาดหวังให้ลูกชายของเขาสืบทอดความรู้เหล่านี้ ในขณะที่มารดาของเขา มาดามอีฟ เลเฟบวร์ เป็นผู้หญิงที่มีความเข้มแข็งและชาญฉลาด และคอยสนับสนุนให้ราฟาเอลเรียนรู้การรักษาและฝึกฝนวิชาทางเวทมนตร์เช่นเดียวกับพ่อ แต่ราฟาเอลกลับมีความฝันที่แตกต่างไป เขาฝันอยากเป็นนักโต้วาที ไม่ชอบงานที่ต้องใช้ความคิดอย่างการแพทย์ที่ครอบครัวให้ความสำคัญ

เมื่อเขาเรียนมัธยมปลาย ราฟาเอลรู้สึกถูกกดดันจากพ่อให้เดินตามรอยเท้าของท่าน ในขณะที่เขาอยากจะใช้ชีวิตอย่างอิสระและทำในสิ่งที่เขารัก เขาเกลียดการที่ชีวิตของเขาถูกกำหนดไว้แล้ว และไม่เคยได้รับโอกาสในการแสดงออกอย่างแท้จริง ในช่วงนั้นเขามักจะพูดตรง ๆ และไม่กลัวที่จะยืนหยัดในความเชื่อของตัวเอง แม้จะทำให้บางครั้งเขาดูขวางโลกและขัดแย้งกับผู้อื่น

เมื่อเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันและได้รับปริญญาทันตแพทย์ ในปี 2014 เขาก็ยอมรับว่าการเป็นทันตแพทย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทำตามความคาดหวังของครอบครัว แต่ในใจลึก ๆ เขายังคงรู้สึกเหมือนชีวิตของเขาขาดสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ

เมื่ออายุ 27 ปี ราฟาเอลตัดสินใจเปิดคลินิกทันตกรรมเล็ก ๆ ที่บ้านเกิด เพื่อพิสูจน์ให้ครอบครัวเห็นว่าเขาสามารถทำในสิ่งที่เขาเลือกได้ด้วยตัวเอง แม้จะเป็นธุรกิจเล็ก ๆ แต่เขาก็ทำมันอย่างเต็มที่ เขามักจะให้ความสำคัญกับความสะอาดและการรักษามาตรฐานในการทำงาน จนคลินิกของเขามีชื่อเสียงในหมู่คนท้องถิ่นว่าเป็นสถานที่ที่มอบการดูแลทันตกรรมที่ดีและเอาใจใส่

อย่างไรก็ตาม ความเศร้าหมองในชีวิตยังคงตามมาหลังจากนั้น เมื่อราฟาเอลกลับบ้านหนึ่งวันและพบว่าพ่อแม่ของเขาถูกโจรปล้นและฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ในคืนที่พ่อแม่เสียชีวิต เขารู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาพังทลายไปในทันที ความสูญเสียครั้งใหญ่ทำให้เขาตระหนักว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองและหาหนทางใหม่ในการดำเนินชีวิต

ราฟาเอลตัดสินใจย้ายไปที่เอลิเชียน เมืองที่มีความสงบและเปิดโอกาสให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาต้องการจะค้นหาความหมายในชีวิตและหาทางออกจากความเจ็บปวด เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่ถูกผูกมัดด้วยค่านิยมเก่า ๆ จากครอบครัว