ตอบกระทู้
[ประวัติตัวละคร] Marianne Bloodwarth
แวมไพร์ระดับ 0

ชุดตัวละคร
เครื่องรางเผ่าพันธุ์
สมบัติล้ำค่า
#1



They float upon the surface of the darkness
in which I’m
drowning


Marianne Bloodwarth | มารีแอนน์ บลัดวาร์ธ

ชื่อเล่น: มาเรีย
วันเกิด: 30 กันยายน 1758
อายุ: 266 ปี อายุร่างกาย 20 ปี
เผ่าพันธุ์: แวมไพร์
Face clam: Kong Xue Er | 孔雪儿



History of Marianne

  ตระกูลบลัดวาร์ธเป็นตระกูลขุนนางยศ เอิร์ล ประจำเมืองท่าแห่งสกอตแลนด์ สืบเชื้อสายอย่างยาวนานมาเรื่อยๆจนมาถึงยุคหนึ่งที่ผู้นำตระกูลบลัดวาร์ธผู้ไร้เดียงสาตกหลุมรักเข้ากับสาวงามเจ้าของเรือนผมสีดำขลับผู้หนึ่ง เธอคนนั้นเป็นสาวงามที่ทุกคนต่างหมายปองแน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่เอิร์ลบลัดวาร์ธ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขารักเธอผู้นี้สุดหัวใจเพียงใดเขาจึงปิดหูปิดตาไม่ฟังคำทัดทานใดๆตบแต่งสตรีผู้นี้ขึ้นเป็นภรรยากลายเป็น เคาน์เตสบลัดวาร์ธ และก่อกำเนิดพยานรักเป็นมีนามว่า มารีแอนน์ บลัดวาร์ธ

  มารีแอนน์เป็นเด็กหญิงน่ารักจิ้มลิ้มได้รับความสวยและเรือนผมสีเข้มจากมารดา ดวงตาสีฟ้าเทาตามแบบฉบับคนในสหราชอาณาจักรจากบิดา เธอได้รับการอบรมสั่งสอนเช่นเลดี้ที่ดีทั้งวิชาการ เย็บปักถักร้อย จัดแจกัน การเขียนการอ่าน ทุกสิ่งทีเลดี้ที่ดีควรปฏิบัติได้ มารีแอนน์ ล้วนได้รับการศึกษาอย่างดีจนผู้คนได้รับทราบว่าเธอเป็นลูกรักขนาดไหน นอกจากนั้นเองความลับที่เธอรู้กันกับมารดาสองคนก็คือ มารดาของเธอเป็นแม่มด และแน่นอนว่าเรือนผมสีดำขลับนี้เองเป็นหลักฐานชั้นดีว่ามารีแอนน์เองก็มีความสามารถเช่นกัน เธอเคยแสดงพลังออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นหนูน้อยมารีแอนน์อายุ 5 ขวบร้องไห้กระจองอแงในช่วงหน้าร้อน และไม่นานเท่าไหร่สิ่งที่ปรากฏออกมาคือเกล็ดน้ำแข็งที่เคลือบทั่วทั้งเตียงนอนของเด็กสาวอันเป็นสัญญาณบ่งบอกเคาน์เตสบลัดวาร์ธว่าเธอต้องแอบสอนการควบคุมพลังเวทมนตร์นี้ให้แก่บุตรีของเธอ และนี่ก็เป็นความลับที่เธอเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาคค่ำกับมารดาหรือหนังสือเวทมนตร์ที่แอบซุกซ่อน เธอทำเช่นนี้มาตลอดเป็นระยะเวลาหลายปี

  เรื่องราวนี้เหมือนจะดำเนินไปดั่งเทพนิยายโรแมนติก ทว่าเคาน์เตสแห่งบลัดวาร์ธนั้นมีร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อได้ให้กำเนิดหนูน้อยมารีแอนน์ก็ยิ่งทำให้สุขภาพย่ำแย่และสิ้นลมหายใจในปีที่เด็กหญิงย่างเข้า 9 ขวบ ทันใดนั้นเองเรื่องราวจากเทพนิยายเพ้อฝันก็กลับกลายเป็นวรรณกรรมมืดมนเมื่อเหล่าผู้อวุโสของตระกูลต่างบีบบังคับให้เอิร์ลบลัดวาร์ธแต่งงานใหม่เพื่อทดแทนตำแหน่งเคาน์เตสที่หายไปเสีย หลังจากนั้นชีวิตของมารีแอนน์ที่เคยสดใสก็ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เคาน์เตสคนใหม่ทำทีเหมือนรักกันทว่าในมือถือมีดตลอดเวลา ยิ่งผ่านไปราวๆปีกว่าเมื่อสตรีผู้นั้นให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมายิ่งไม่เห็นหัวเธอขึ้นทุกวัน สิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงให้เธอมีชีวิตอยู่ได้คือความรักจากเอิร์ลบลัดวาร์ธที่รักเธอเสมอ คอยปกป้องดั่งของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งมอบให้

  เวลาผ่านไปจนมารีแอนน์อายุ 15 ปี เธอกำลังเข้าสู่ช่วงวัยสาวที่พร้อมจะเข้าสังคม แม้ว่าช่วงนี้จะมีกระแสเรื่องการล่าแม่มดที่มีมาเนิ่นนานเริ่มเป็นที่พูดถึง(และแม้ว่าจะเป็นการพูดในทำนองที่ต้องการให้หายไปก็ตาม) แต่สำหรับแม่มดจริงๆเช่นเธอนั้นก็ยิ่งต้องระมัดระวังตนเองให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรับรู้พลังในกายนี้ มารีแอนน์ในตอนนี้เป็นดั่งว่าที่เคาน์เตสรุ่นต่อไปที่ผู้คนรู้ดีว่าเอิร์ลรักเธอขนาดไหน ดังนั้นความรักของบิดานี้เป็นดั่งดาบสองคมที่ทำให้เคาน์เตสผู้เป็นภรรยาใหม่ได้วางแผนกำจัดมารีแอนน์ออกไปให้พ้นทางเพื่อให้บุตรชายของเธอกลายเป็นที่รักเพียงผู้เดียวของตระกูลบลัดวาร์ธ การกำจัดมารีแอนน์ได้เริ่มต้นจากการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับผมสีดำขลับของเธอว่าเรือนผมสีเข้มนั้นมาจากพลังของแม่มด และให้ข่าวลือลามไปเรื่อยๆว่าเธอนั้นคือแม่มดจริงๆ เหล่าชาวบ้านที่หูเบาต่างหวาดกลัวและก่อการประท้วงให้กำจัดแม่มดเช่นเธอซะ

  อยู่มาวันหนึ่งที่มารีแอนน์ในวัย 20 ปีถูกแม่เลี้ยงหลอกให้ออกไปยังหมู่บ้าน และถูกจัดฉากลอบสังหารกลางหมู่บ้านที่ผู้คนหวาดกลัวเธออยู่แล้ว มารีแอนน์ไม่สามารถควบคุมตนเองได้นั้นก็เผลอใช้พลังเวทมนตร์ในตัวสร้างเกราะน้ำแข็งป้องกันตนเอง เป็นการยืนยันข่าวลือไปโดยปริยายว่า มารีแอนน์ บลัดวาร์ธ คือนางแม่มด ทันใดนั้นเองสิ่งที่เธอทำได้มีเพียงการหนีเท่านั้น หนีจากข้าวของที่ขว้างปา หนีจากอาวุธแหลมคมที่พร้อมทิ่มแทง หนีจากคบเพลิงที่พร้อมผลาญกาย จนมาถึงท่าเรือที่ภาพตรงหน้าของเธอเป็นทะเลแสนกว้างใหญ่

  “จงจดจำไว้ แม้มีพลังใช่ว่าไร้สามัญสำนึก มือไร้มลทินของข้าจะกระทำต่อชีวิตของผู้คนได้อย่างไร? — ชาวบ้านหูเบาเช่นพวกเจ้าเสียอีกที่ปลิดชีพผู้บริสุทธิ์ไปแล้วกี่ราย ด้วยวาทกรรมอันแสร้งว่าเป็นการกำจัดแม่มดชั่ว จริงๆแล้วพวกเจ้าต่างหากที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าแม่มด”

  สิ้นคำกล่าวของหญิงสาวเธอก็หลับตาสีฟ้าซีดลงและโรยตัวลงจากท่าเรือ ทิ้งกายให้จมลงไปยังท้องทะเล ให้ชีวิตของเธอถูกโอบอุ้มด้วยความเย็นของกระแสน้ำยังดีกว่าถูกเผาไหม้เป็นตอตะโก…


Important safety tip - never look a vampire in the eye

  ราวกับชะตาเล่นตลก แทนที่เธอจะจมลงสู่ใต้ท้องทะเลกลับถูกกระแสน้ำพัดพาเข้าฝั่งยังที่แสนไกล ดวงตา ใบหน้า ลำคอ จมูก ล้วนแสบจนแทบทนไม่ไหวจากน้ำทะเลที่ทะลักเข้าภายในร่างกาย มารีแอนน์ไร้เรี่ยวแรงเกินจะขยับร่างบางของตนให้เอาตัวรอดต่อไปได้ แม้ภายในใจนั้นกำลังสุมด้วยไฟแค้นทว่าร่างกายแสนอ่อนแอกลับกำลังบอกให้เธอกลืนความแค้นนี้ลงอกและคืนชีวิตหวนคืนกลับสู่ผืนดินเสีย

  “ย้ยหนูนี่มานอนชมดาวหรือกระไร?”

  น้ำเสียงทุ้มปนแหบพร่าแสนเยียบเย็นสะกิดให้สติที่พร้อมร่วงหล่นกลับคืนมา หญิงสาวที่อยากจะหลับไหลไปตลอดกาลค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าของเธอคือดวงตาที่ลึกล้ำยากเกินพรรณนา แรงดึงดูดที่มากล้นทำให้เธอแทบลืมหายใจ ดวงใจของเด็กสาวที่พร้อมจะหยุดพักก็ค่อยๆเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ความปรารถนาที่จะมีชีวิตตื่นขึ้นราวกับจุดไม้ขีดไฟท่ามกลางความมืดมิด พลังชีวิตร่อยหรอเกินจะพยุงกายให้หายใจต่อไป แต่ความโลภที่จะมีชีวิตกลับทวีคูณเพิ่มขึ้นมาจนเป็นแรงขับเคลื่อนให้เธอเปล่งเสียงเล็กที่แหบแห้งเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากขอความช่วยเหลือชายผู้นั้น ทันใดนั้นเองร่างสูงเจ้าของน้ำเสียงเย็นเยียบนี่ได้หลุบตามองลงมายังร่างของเธอก่อนจะขยับกายหันหน้าเข้าฝั่งทะเลสีครามยามค่ำคืน ในตอนนั้นเองมารีแอนน์ก็ค่อยๆถอดใจด้วยความอ่อนล้าเกินทานทน

  “ ชีวิตมนุษย์น่าเวทนาเสียจริง ”

  “ ขาดเจ้าไปสักคนโลกนี้ก็คงไม่แปรเปลี่ยน ”

  ไม่ทันจะกลับไปนอนพักอีกสักคราก็มีลมวูบใหญ่เข้าพัดผ่านกายของมารีแอนน์ กลายเป็นร่างสูงที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชานี้เองเข้ามาประคองเธอไว้ในอ้อมแขน ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยจากคาง จรดลากถึงกลางลำคอ การกระทำของเขาแม้ไม่เข้าข่ายการให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใดทว่าความต้องการมีชีวิรอดของเธอยังคงเปล่งประกายในดวงตาอันแทบไร้แสงอย่างน่าสมเพช

  แม้ว่าฟางที่เธอจับเป็นแส้หนามที่ทิ่มแทงกาย ทว่าหากมันเป็นหนทางเดียวเธอก็ขอโอบรับมันไว้

  เพื่อกลับไปชำระหนี้แค้นที่ต้องสะสาง

  ทันในนั้นเองความเย็นเฉียบที่กอบกุมลำคอระหงก็จางหายไปพร้อมกับแววตาประหลาดใจที่ฉายขึ้นมาที่ดวงตาคู่สวยแสนลึกลับ ร่างเล็กที่ตอนแรกได้รับเพียงการประคองไว้ในอ้อมแขนก็เปลี่ยนเป็นการโอบอุ้มร่างของเธอขึ้นมาและเคลื่อนกายเดินลงทะเล แม้ใจของมารีแอนน์จะงุนงงเพียงใด ทว่าเธอนั้นไร้เรี่ยวแรงเกินจะต่อต้าน หากสิ่งที่เขาทำคือการส่งเธอไปหลับพักใต้ผืนทะเล เธอก็คงทำได้เพียงโอบรับความเมตตาของเขาไว้และจมหายไปกับคลื่นสมุทร เมื่อเขาหยุดยืนกลางทะเล ดวงตาสีเฮเซลประกายท้องนภาในคืนจันทร์เพ็ญเช่นตอนนี้ได้จดจ้องลงมา ดวงแสงเดือนที่ตกกระทบกลับทำให้ดวงตาของเขาเสมือนทองประกายมากกว่าอื่นใด

  “ ท้องทะเลทรมาณเจ้ามาเกินพอ ”

  “ หนนี้ให้มันเป็นสิ่งเดียวที่อยู่เคียงเจ้ายามรวดร้าวปานตายทั้งเป็นก็แล้วกัน ”

  ชั่วขณะที่นัยน์ตาสีพิศวงนั้นวาวโรจน์เป็นสีแดงฉาน — ครู่แรกเขานาบริมฝีปากลงกับลำคอเหมือนการแสดงความรักที่ไร้พิษสง ก่อนจะฝังเขี้ยวคมลงเนื้อขาว เสียงดูดดื่มจากการสูบเอาโลหิตเข้าผู้โพรงปากของนักล่าดังผะแผ่วคลอเคล้าคู่ความเจ็บปวด มารีแอนน์แม้ไร้เรี่ยวแรงก็ไม่อาจทนความทรมานนี้ได้จนต้องออกแรงผลักทว่านั่นไร้ประโยชน์ยิ่งนัก เมื่อดวงตาพร่ามัวคล้ายมืดดับ ลมหายใจโรยรินคล้ายสิ้นใจ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงลำคอได้หายไปแทนทีด้วยจุมพิศรสเฝื่อนคาว การแลกเปลี่ยนหยาดโลหิตนี้เองได้ก่อนกำเนิดหญิงสาวคนใหม่

  มารีแอนน์ บลัดวาร์ธ ผู้เป็นแวมไพร์



You gave me your vImmortal Kiss

  จากคลื่นทะเลในวันนั้น มารีแอนน์ในฐานะแวมไพร์ก็ได้ใช้ชีวิตเคียงข้างกับเขาที่ให้เธอเรียกเขาว่า “อาร์ช” ไม่อาจทราบได้เลยว่านามนี้จริงแท้เพียงใด แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แม้ปากคอจะเราะร้ายน่าต่อปากต่อคำ แต่การกระทำของเขากลับช่วยเหลือเธอตลอด มารีแอนน์ได้เรียนรู้การอยู่รอดในฐานะแวมไพร์กับเขา ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ ตามสภาพอารมณ์และความปลอดภัย ในความคิดของแวมไพร์สาวตอนนี้ค่อย ๆ เจือจางความแค้นลงตามคืนวันที่ผันผ่าน

  จนกระทั่งในปี 1778 ที่การร่อนเร่ของทั้งสองได้มาหยุดที่ในความทรงจำอย่างเมืองท่าแห่งหนึ่งในสกอตแลนด์ เมืองเกิดของเธอ ไฟแค้นที่เคยคิดว่าจางหายนั้นกลับโหมกระหน่ำอีกครั้งเมื่อใบหูของเธอได้ยินข่าวคราวต่าง ๆ ในโรงเตี๊ยมถึงการตายของบิดาที่ตรอมใจอย่างเนิ่นนานหลังจากที่แม่มดมารีแอนน์จมน้ำหายไปดวงตาสีฟ้าเทาซีดพลันวาวโรจน์ด้วยประกายสีแดงฉาน ในค่ำคืนนั้นเองทั้งปราสาทแห่งเอิร์ลบลัดวาร์ธได้เกิดโศกนาฏกรรมสีชาดที่ทั้งปราสาทถูกแต่งแต้มไปด้วยโลหิต…อันเป็นฝีมือของเธอเอง

  เมื่อได้ล้างแค้งนับยี่สิบปี ทั้งแด่มารดาที่จากไป แด่บิดาที่ตรอมใจ และ แด่ตัวเธอเองที่เจ็บแค้นสุดหัวใจ กลายเป็นความว่างเปล่าโดยพลัน เป้าหมายในชีวิตหนึ่งเดียวได้หายไปแล้วเรียบร้อย ร่างบางที่หมายมั่นจะยึดอาร์ชเป็นที่มั่นเมื่อกลับถึงห้องพักก็พบกับความว่างเปล่าไม่ต่างจากในอกของเธอพร้อมกับจดหมายใบน้อย

  จงตามหาซะ เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อไปของเธอน่ะ มารีแอนน์

  นับจากวันนั้น วันที่เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ช่วงแรกเธอก็ออกตามหาเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่ว่าที่ไหนจะมีสงคราม โรคภัย ความฉิบหายใด ๆ ก็ล้วนไปทั้งสิ้น แต่เมื่อไร้ซึ่งเบาะแส ไร้ซึ่งร่องรอย เธอก็เริ่มถอดใจเกี่ยวกับเขาจนกระทั่งเธอได้มาถึง ณ หมู่บ้านเอลิเชียน ละทิ้งซึ่งทุกสิ่ง…และลงหลักปักฐาน ณ ที่แห่งนี้


Appearance

  เรือนผมสีดำขลับ ดวงตาสีฟ้าเทาซีด ส่วนสูงอยู่ที่ 168 เซนติเมตร น้ำหนัก 48 กิโลกรัม รูปร่างเพรียวบาง ผิวพรรณสีขาวซีด มักจะแต่งตัวด้วยเดรสไม่ว่าจะสั้นหรือยาวก็เป็นเดรส


Habit and Personality

  มารีแอนน์เป็นคนนิสัยไม่ดีสักเท่าไหร่ เธอค่อนข้างเป็นคนนิ่งแต่ว่าหากได้เปิดปากพูดคำพูดคำจามักจะเต็มไปด้วยความประชด แดกดัน หรือความห้วนในน้ำเสียง เธอจึงมักจะออกห่างจากผู้คนเพราะตัวเธอด้วยที่ไม่ได้น่ารักสำหรับใครๆ ช่วงเวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการอ่านหนังสือ จัดแจกัน ปักผ้า ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของสตรีชั้นสูงสมัยก่อนที่ไม่คิดจะคบค้าสมาคมกับใคร เมื่อใช้ชีวิตมาเป็นเวลาแสนนานก็เริ่มปรับตัวกับยุคสมัยเธอก็เริ่มยับยั้งชั่งใจตนเองไม่ให้ปากเสียใส่ผู้คนไปทั่วได้แม้ว่าน้ำเสียงจะโมโนโทนราบเรียบจนไร้อารมณ์หรือดูเบื่อหน่ายจะสนทนาก็ตาม




โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 06-28-2024, 10:54 AM โดย Marianne Bloodwarth
[Image: LrTlO4G.gif]
ตอบกลับ



ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้:
1 ผู้เยี่ยมชม

Forum software by © MyBB Theme © Matthew Zircon 2022