People who are still lost Stuck between the lines of love and hate
Marin Glaucus
มาริน กลอคัส
Venezia, Italian
birthplace
Sweet Olive
hair colour
Baby Blue
eyes colour
Light Natural
complexion
-
note
Marin
aliases
shay rudolph
faceclaim
sociable
reserved
independent
cautious
straightforward
decisive
impulsive
Marin Glaucus
full display name
ตั้งแต่พอจะจำความได้ มารินก็จำได้ว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับ ‘น้ำ’ มาตลอด ณ เมืองแห่งสายน้ำ เวนิส ที่ประเทศอิตาลี ให้เจาะจงอีกหน่อยก็คือเกาะมูราโน มันเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเธอ เต็มไปด้วยผู้คน สถานที่สวย ๆ และความโรแมนติก แม้คุณแม่ผู้น่ารักของเธอจะบอกเสมอว่าสถานที่ที่มารินเกิดมานั้นสำหรับตัวคุณแม่ช่างห่างไกลจากความโรแมนติกมากก็ตาม มารินไม่เคยเจอพ่อ ไม่สิ ควรจะเรียกว่า ไม่รู้จักและไม่รู้เลยว่าคนเราต้องมีพ่อ เพราะทั้งชีวิตที่ผ่านมาจนอายุ 7 ขวบ เธอมีแค่คุณแม่โนเอล ซึ่งนั้นมันพียงพอแล้วสำหรับมาริน ใช้เวลานานหลายปีอยู่กว่าคุณผู้หญิงที่ปากหนักกว่าใครของเธอจะยอมเล่าให้ลูกสาวอายุ 14 ฟังถึงอดีตของตัวเองอย่างเศร้า ๆ ว่า
โนเอลนั้นหลบหนีออกมาจากความวุ่นวายทั้งหลายในช่วงปีท้าย ๆ ที่สงครามเหมือนใกล้จะจบลง ทิ้งความขัดแย้ง ครอบครัว และทุกอย่างในเผ่า มาอยู่ที่เวนิสหลงไปกับความโรแมนติกของเมืองแห่งสายน้ำ จนได้พบกับคนชายคนหนึ่งที่เธอหลงรักเขาจนหมดหัวใจ เป็นความรักหวานชื่นอยู่หลายสิบปี แต่แล้ววันที่เธอบอกชายคนรักว่า มีเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ในท้องของเธอ ผู้ชายคนนั้นก็หายไปจากชีวิตของโนเอลเหมือนไม่เคยมีอยู่จริง เขาจากเธอไปอย่างไร้ทางติดต่อ ทิ้งโนเอลไว้ที่เวนิสตั้งแต่ตอนนั้น
เรื่องราวของแม่ไม่ทำให้มารินรู้สึกได้ว่างเปล่าได้เท่าน้ำตาของแม่และความรู้สึกของการถูกทิ้งหรือความจริงควรจะเป็นคำว่า ต้นเหตุของการที่แม่ถูกทิ้งคือการที่เธอเกิดมา นับแต่วันที่รู้เรื่องของพ่อเวนิสสำหรับมารินก็เปลี่ยนไป มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งเกลียด เธอยังคงรักที่ที่เธอเกิดมา ที่ที่น้ำท่วมบ่อยจนแอบลำบากสำหรับเผ่าเงือกที่ขาอาจจะกลายเป็นหางต่อหน้าคนอื่นเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าน้ำท่วมถึงเอวกระทันหัน แต่ขณะเดียวกันเธอก็เกลียดเวนิสที่ทำให้แม่ยังลืมผู้ชายคนนั้นไม่ได้
ครั้งหนึ่ง ตอนอายุได้ 30 ปี มารินจึงลองถามแม่ ว่าเราสามารถย้ายออกไปได้ไหม กลับไปที่ที่แม่เคยอยู่ กลับไปหาครอบครัวเก่าของแม่ ย้ายไปจากเวนิส เราหนีออกไปจากอดีตที่มีผู้ชายคนนั้นของแม่ได้ไหม ซึ่งคำตอบของแม่มาในรูปแบบของน้ำตาและการส่ายหน้า “เขาอาจจะกลับมา ให้แม่รอเขาอีกหน่อยนะ” นั้นก็มากพอแล้วสำหรับการปฏิเสธ คำถามเรื่องการย้ายออกจากเวนิสจึงไม่เคยถูกยกมาพูดอีกเลยในครอบครัว จนถึงวันที่โนเอลไม่อยู่อีกต่อไป
มารินเหลือตัวคนเดียวในตอนอายุ 50 เธอเริ่มเก็บกระเป๋าเตรียมย้ายออกจากเวนิสภายในสามเดือน หลังจากที่โนเอลไม่อยู่กับเธอแล้ว เพราะที่เวนิสมีความทรงจำสำหรับเธอมากเกินไป ทั้งความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับพ่อที่ทิ้งแม่ และความทรงจำแสนสุขของเธอและแม่ มันปะปนกันจนเธอไม่รู้ว่าจะเก็บส่วนไหนไว้ในหัวหรือโยนส่วนไหนทิ้งไปให้ไกลดี เธอจึงคิดว่าตัวเองควรออกจากเวนิส ออกไปหาความทรงจำใหม่ ๆ ที่เป็นของเธอเอง
แต่ถึงอย่างนั้นมารินก็ยังวนเวียนอยู่ในอิตาลี เก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ชีวิต การพบผู้คน และอะไรอีกมากมายที่เธอได้เรียนรู้ เธอใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่หลายสิบปี ย้ายไปหลายเมืองแต่ไม่เคยอยู่ที่ไหนนานเกิน 1-2 ปี จนเธอเริ่มคิดถึงเวนิส คิดถึงแม่ แต่ไม่ เธอไม่อยากกลับไปที่ที่แม่ยังรอพ่อจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เป็นตอนนั้นเอง ที่อีกสถานที่หนึ่งผุดขึ้นในความทรงจำของเธอ ที่ที่แม่บอกว่าหนีจากมา น่าเสียดายที่ไม่ใช่ว่าทุกการเดินทางจะประสบความสำเร็จ ในตอนที่มารินพบหมู่บ้านเอลิเชียน มันมีความหวังเล็ก ๆ ในใจเธอว่าอาจจะได้พบครอบครัวของแม่ แต่ความหวังมันก็ดับไปหลังรู้ว่าที่หมู่บ้านนี้ ไม่มีคนนามสกุล กลอคัส สักคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้น มาริน ก็คิดว่าเธอจะลองอยู่ที่หมู่บ้านนี้ อาจจะสักพักหรือตลอดไป เพราะคำพูดของแม่ในความทรงจำ “เขาอาจจะกลับมา ให้แม่รอเขาอีกหน่อยนะ … ถ้าแม่รอเขาจนพอแล้ว ถ้าเขาไม่กลับมาจริง ๆ แล้วเรากลับไปที่นั้นกันนะ แม่จะพาลูกกลับบ้านเก่าของแม่ แม่สัญญา”
biography
เป็นคนเก็บตัวกับคนไม่รู้จักและดูเหมือนจะชอบทำอะไรคนเดียว แต่ถ้าได้สนิทหรือถูกมารินนับเป็นเพื่อน เธอจะกลายเป็นสุดยอดนักตามใจในทันที ขอแค่เธอทำได้เธอจะทำให้อย่างแน่นอน ค่อนข้างพูดจาสุภาพและนุ่มนวลเป็นพื้นฐาน เธอยังไม่เคยกล่าวร้ายหรือต่อว่าใคร ถ้าไม่พอใจเธอก็เลือกที่จะเงียบและเดินหนีไปไกล ๆ มากกว่าจะเริ่มการต่อล้อต่อเถียง
โดยปกติแล้วก็มีใครจะได้เห็นมารินแสดงอารมณ์ในเชิงลบสักเท่าไหร่ คนมักจะเห็นเธอยิ้ม ยิ้ม แล้วก็ยิ้ม มันไม่ใช่การสวมหน้ากากแต่แค่เธอไม่รู้จะแสดงความเศร้า ความโกรธ หรืออารมณ์อื่น ๆ ไปทำไม ในเมื่อผู้คนชอบรอยยิ้มมากกว่า เธอก็ควรยิ้มให้พวกเขาสิ การเก็บอารมณ์จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เธอทำได้ดี พอ ๆ กับเรื่องความอดทน
มารินจะเป็นผู้ฟังที่ดีในทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องที่เธอสนใจไปจนถึงเรื่องที่เธอไม่ชอบ แต่เป็นผู้พูดที่ไม่ได้ดีนัก อีกทั้งเธอยังต่อบทสนทนาไม่เก่งเลย เวลาคุยกับใครจึงดูเหมือนการถามตอบมากกว่าพูดคุยอยู่บ่อย ๆ ด้วยความรู้สึกส่วนตัวเธอมักจะตามใจผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ค่อนข้างชัดแต่กับเฉพาะคนที่อายุมากกว่าเธอเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้หญิงที่อายุมากกว่าจะทำให้เธอนึกถึงแม่ แต่กับเพื่อนเธอจะให้ความยุติธรรมตามปกติ หญิงชายเท่ากัน
personality