ตอบกระทู้
[ประวัติตัวละคร] Cisenm Westin Moire
แฟรี่ระดับ 1

ภูตป่าไม้

ชุดตัวละคร
เครื่องรางเผ่าพันธุ์
สมบัติล้ำค่า
ยานพาหนะ
#1
The Journey of
mnesic
A nymph, silent as the moon, powerful as the storm.
Cisenm Westin Moire
ไซเซนม์ เวสติน มัวร์
Eltir, Netherland
birthplace
1
8
day
1
0
month
1
9
0
4
year
Fairy
tribe
1
level
118
age
178 cm
height
56 kg
weight
Auburn
hair colour
Crystal Gray
eyes colour
Porcelain White
complexion
Sandalwood
signature scent
INTJ-T
mbti
#B2D3E1
color code
Alyda Grace
faceclaim
sociable
reserved
independent
cautious
straightforward
decisive
impulsive
Cisenm Westin Moire
full display name
ไซเซน เวสติน มัวร์ เกิดท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หมู่บ้านของเธอตั้งอยู่ในป่าลึกทางตะวันตกของเนเธอร์แลนด์ ป่าผืนนี้ได้รับการขนานนามว่า "เอลเทียร์" สถานที่ซึ่งสรรพชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ทุ่งดอกไม้ Amsonia tabernaemontana หรือ Blue Star บานสะพรั่งทั่วทุ่งหญ้า ให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ปลอบโยนจิตใจผู้พบเห็น ในยามค่ำคืน แสงจันทร์สาดส่องกระทบดอกไม้ ทำให้ดูราวกับประกายดาวดวงน้อยที่เริงระบำอยู่บนพื้นดิน

หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่พำนักของเผ่าแฟรี่บางส่วนที่หลบหนีมาจากสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เมื่อหลายร้อยปีก่อน ผู้นำคนแรกของตระกูลมัวร์คือผู้ที่นำพาแฟรี่จำนวนมากรอดพ้นจากการไล่ล่าของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า เขาตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ขึ้นใหม่เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสรวงสวรรค์ แต่เสียงกระซิบเกี่ยวกับสงครามและการสูญเสียก็ยังคงเล่าขานกันมารุ่นต่อรุ่น

ไซเซนในวัยเด็ก—หรือในตอนนั้น มีชื่อว่าเวสติน—เธอเติบโตขึ้นในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น พ่อของเธอเป็นนักดนตรีผู้รอบรู้ที่มักจะบรรเลงเสียงพิณเพื่อขับกล่อมทั้งหมู่บ้าน ในขณะที่แม่ของเธอเป็นนักสมุนไพรที่คอยรักษาผู้คนด้วยความอ่อนโยน เวสตินมักใช้เวลาวิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้ หรือนอนเงียบ ๆ ใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบหมู่บ้าน

ป่าเอลเทียร์ไม่เพียงแค่มอบความสงบเท่านั้น แต่ยังเป็นที่มาของพลังชีวิตสำหรับแฟรี่ทุกคน พลังเวทมนตร์ของพวกเขาเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง ต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ลำธารที่ไหลเอื่อย และสายลมที่พัดเบา ล้วนหล่อเลี้ยงเผ่าพันธุ์ของพวกเขา เวสตินได้เรียนรู้ตั้งแต่วัยเยาว์ถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล แต่เธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าโลกภายนอกที่เธอไม่เคยก้าวออกไปนั้นเต็มไปด้วยอันตรายเพียงใด

ในสายตาของเวสติน หมู่บ้านของเธอคือโลกทั้งใบที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่เคยตั้งคำถามถึงเรื่องราวในอดีตที่พ่อแม่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการอพยพหนีสงคราม เพราะสำหรับเธอ ชีวิตที่เงียบสงบนี้เป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้จัก แต่ความสงบที่เหมือนนิรันดร์นั้นกลับกลายเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อความโหดร้ายของโลกภายนอกแผ่เข้ามาใกล้โดยไม่มีใครคาดคิด

คืนหนึ่ง ในขณะที่แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องไปทั่วหมู่บ้าน เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากทิศตะวันออกของป่า มันไม่ใช่เสียงของสัตว์ป่า แต่เป็นเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดและความตาย ไฟจากคบเพลิงส่องประกายแหวกความมืดมิด เผยให้เห็นเงาของผู้บุกรุกที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

เหล่าแวมไพร์ปรากฏตัวในหมู่บ้าน พร้อมความกระหายเลือดที่ไม่มีที่สิ้นสุด การโจมตีเกิดขึ้นในพริบตา ทุกคนตื่นตระหนก พ่อแม่ของเวสตินรีบวิ่งเข้ามาหาเธอ พ่อของเธอคว้าดาบไม้โบราณที่สลักเวทมนตร์แห่งแฟรี่เอาไว้ ขณะที่แม่ของเธอรีบโอบอุ้มเธอแนบอก “ลูกต้องหนีไป…อย่าหยุด จงหาที่ปลอดภัย” เสียงของแม่สั่นเครือ แต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

เวสตินตัวสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่เธอถูกผลักให้ออกวิ่ง มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นความโหดร้ายของโลก ความเงียบสงบที่เธอเคยรู้จักแตกสลาย กลายเป็นเสียงร้องระงมและกลิ่นคาวเลือดที่ปกคลุมทุกอณูของหมู่บ้าน เธอวิ่งไปตามทางที่คุ้นเคย แต่ในยามนี้ทุกสิ่งกลับดูแปลกตาไปหมด ไฟจากการโจมตีแผดเผาป่าเอลเทียร์ เสียงใบไม้ที่เคยพริ้วไหวในสายลม กลายเป็นเสียงสะท้อนของความสิ้นหวัง

ในที่สุด เวสตินก็หลบหนีมาได้ แต่เมื่อเธอหันกลับไปมอง หมู่บ้านที่เธอเคยเรียกว่าบ้านกลับกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน เธอเห็นพ่อและแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้ายในห้วงความทรงจำ—ร่างที่ล้มลงในขณะที่พยายามปกป้องเธอและคนในหมู่บ้าน

เวสตินเดินทางออกจากป่าเอลเทียร์โดยลำพัง ความกลัวและความโศกเศร้าท่วมท้นใจเธอ แม้จะเป็นแฟรี่ที่มีพลังวิเศษ แต่ในขณะนั้น เธอเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้ที่พึ่ง เธอเดินทางเรื่อยไป บางครั้งต้องบินเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย แต่ก็พยายามซ่อนปีกของตนไว้ให้พ้นสายตาผู้คน

จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอเดินทางมาถึงลอนดอนโดยไม่รู้ตัว วงเวียนแห่งโชคชะตาพาเธอเข้าสู่หมู่บ้านแวมไพร์แห่งหนึ่ง มันเป็นที่ที่เธอไม่ควรอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในความสิ้นหวัง เธอไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งรอบตัว เมื่อเธอเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาด มันก็สายเกินไปเสียแล้ว แวมไพร์กลุ่มหนึ่งล้อมรอบตัวเธอ เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้น พร้อมความกระหายที่สะท้อนในดวงตาของพวกเขา

ก่อนที่เล็บและเขี้ยวของแวมไพร์จะเข้าถึงตัวเธอ ชายร่างสูงผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขามีผิวขาวซีด แต่แววตากลับสงบนิ่ง เขาเพียงยืนอยู่ตรงนั้น แวมไพร์ที่ล้อมรอบต่างถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นแนะนำตัวว่า ลี ฮัสตัน ซาวด์เดอร์สัน แต่เวสตินไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ เธอเพียงจ้องมองเขาด้วยความหวาดระแวง

ฮัสตันไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับเธอ แต่กลับอนุญาตให้เธอเดินตามเขาไป ทุกที่ที่เขาไป เวสตินก็ตามติดราวกับเงา แม้เธอจะไม่ไว้ใจเขา แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ฮัสตันดูแลเธอโดยไม่เรียกร้องสิ่งใด และหลังจากอยู่ด้วยกันหลายเดือน เขาก็เรียกเธอว่า Cisenm ซึ่งเป็นคำกลับหลังของ "Mnesic" ความหมายของมันคือ "ความทรงจำ" ราวกับเขารู้ว่าเธอกำลังหนีจากอดีตอันแสนเจ็บปวด

เวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างไซเซนและฮัสตันค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย แม้ในช่วงแรกเธอจะไม่ไว้ใจเขาเลย แต่ความอดทนและความใส่ใจที่เขามอบให้เธอโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำให้กำแพงที่เธอสร้างขึ้นในใจเริ่มพังทลายลง

ฮัสตันไม่เคยกดดันหรือถามคำถามที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ เขาเพียงอยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลาที่เธอต้องการ แม้เขาจะพูดน้อย แต่คำพูดทุกคำที่ออกจากปากเขากลับเต็มไปด้วยความหนักแน่นและจริงใจ เวลาที่เธอฝันร้ายถึงหมู่บ้านที่ถูกทำลาย ฮัสตันมักจะอยู่ใกล้ ๆ คอยปลอบเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน

ในที่สุด ไซเซนก็เริ่มเปิดใจ แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่เธอเริ่มพูดคุยกับฮัสตันมากขึ้น แม้การสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทุกคำที่เธอพูดกลับแฝงไปด้วยความเชื่อใจที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น

เธอพบว่าฮัสตันไม่ใช่แวมไพร์ทั่วไปที่เธอเคยหวาดกลัว เขาแตกต่าง—ไม่เพียงเพราะเขาไม่เคยแสดงความกระหายเลือดต่อหน้าเธอ แต่ยังเพราะเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง มากกว่าที่เธอจะเคยคาดคิด

ในช่วงเวลาที่ผ่านไป ความผูกพันระหว่างทั้งสองคนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไซเซนเริ่มเชื่อฟังฮัสตันในทุกเรื่อง ราวกับเขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอ เวลาที่เธอรู้สึกสับสนหรือไม่แน่ใจในสิ่งใด เธอมักจะหันไปถามความคิดเห็นของเขา และไม่ว่าจะเป็นคำตอบแบบใด เธอก็เชื่อมั่นในคำพูดของเขาเสมอ

ในสายตาของเธอ ฮัสตันกลายเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้เธอจะยังคงไม่เปิดใจกับคนอื่น และยังคงมีนิสัยแข็งกระด้างกับทุกคน แต่กับฮัสตัน เธอสามารถแสดงความอ่อนแอและความเป็นตัวเองออกมาได้โดยไม่รู้สึกละอาย สำหรับไซเซน ฮัสตันคือข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเธอ

หลายเดือนหลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างไซเซนและฮัสตันแน่นแฟ้นจนแทบแยกจากกันไม่ได้ ชีวิตของเธอกลับต้องพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง ฮัสตันจากไปโดยไม่บอกลาหรือทิ้งคำอธิบายใด ๆ เหลือไว้เพียงกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ ที่มีข้อความสั้น ๆ ว่า “ถึงเวลาต้องออกเดินทาง” คำพูดเหล่านั้นเรียบง่ายแต่เจ็บปวดสำหรับเธอ ราวกับแผ่นดินที่เคยมั่นคงใต้ฝ่าเท้าถูกดึงออกไป

ไซเซนเฝ้ามองข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาในความเงียบงัน สงสัยว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจจากไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอ ความโกรธ ความเสียใจ และความว่างเปล่าผสมปนเปกันในจิตใจของเธอ แต่ท้ายที่สุด สิ่งที่เหลืออยู่คือความตั้งใจที่จะมีชีวิตต่อไป

เธอเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้ง ด้วยความหวังลึก ๆ ในใจว่าอาจได้พบฮัสตันอีกครั้ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ในการเดินทางนั้น ไซเซนเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเงียบ ๆ เธอพยายามนำคำพูดและการกระทำของฮัสตันมาเป็นแรงบันดาลใจในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความสงบในจิตใจ การอดทนต่อความยากลำบาก หรือการพยายามมองหาแง่มุมที่ดีในโลกที่เธอยังคงหวาดระแวง

หลายสิบปีผ่านไป ไซเซนเดินทางผ่านดินแดนต่าง ๆ มากมาย เธอเริ่มเรียนรู้วิธีปกปิดตัวตนในโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยความอันตรายสำหรับแฟรี่เช่นเธอ จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอพบหมู่บ้านเอลิเซียน หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าลึก และดูเหมือนจะหลุดพ้นจากความวุ่นวายของโลกภายนอก บรรยากาศสงบสุขและความสะดวกสบายของที่นี่ดึงดูดให้เธอตัดสินใจตั้งรกราก

ไซเซนเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเอลิเซียน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่เฝ้าสังเกตธรรมชาติรอบตัว หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็รักษาท่าทีสุภาพเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย การใช้ชีวิตเช่นนี้ช่วยให้เธอหลบซ่อนตัวตนได้อย่างปลอดภัย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ในระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านตลาดเล็ก ๆ ของหมู่บ้าน เธอก็ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย—ใบหน้าที่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกครั้ง ฮัสตันกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางฝูงชน สายตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายังคงสงบนิ่ง ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน

ไซเซนหยุดนิ่ง หัวใจของเธอเต้นแรง เธอพยายามรวบรวมสติ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา ความทรงจำเกี่ยวกับเขาไหลทะลักเข้ามาในจิตใจของเธอเหมือนกระแสน้ำ ทั้งความสุข ความโกรธ และคำถามที่ไม่มีคำตอบ

“แฮช...” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรมากในวันนั้น แต่การกลับมาของฮัสตันทำให้ไซเซนรู้สึกเหมือนแสงสว่างได้กลับคืนมาในชีวิตของเธออีกครั้ง

เวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นเหมือนเดิม ไซเซนยังคงเชื่อฟังและมองเขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ที่เธอไม่มีวันลืม แม้เธอจะยังคงระวังตัวและไม่ไว้ใจใครในหมู่บ้านเอลิเซียน แต่การได้อยู่ใกล้ชิดกับฮัสตันอีกครั้งทำให้ชีวิตของเธอมีความหมายมากขึ้น
biography

pending
appearance
pending
personality
likes
pending
dislikes
pending
interests
pending
preference

relationship
Leigh Huston Saunderson
the most important person
Bethany Louire Flozentine
acquaintance / neighbour
Ray Marmoris
acquaintance / huston's significant other


[Image: wE3NXry.png]

โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 12-25-2024, 03:23 AM โดย Cisenm W. Moire
ตอบกลับ



ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้:
1 ผู้เยี่ยมชม

Forum software by © MyBB Theme © Matthew Zircon 2022