ตอบกระทู้
[ประวัติตัวละคร] Oluc Hiroyuki Gagliano
เพิร์ลมูนไลด์ชุดตัวละคร
เครื่องรางเผ่าพันธุ์
สมบัติล้ำค่า
ยานพาหนะ
11-04-2022, 01:30 AM
ประวัติตัวละคร Olucas Gagliano Olucas Gagliano
โอลูคัส กาเกลียอาโนเฟซเคลม: Tsurubo Shion (JO1) ชื่อเต็ม: โอลูคัส ฮิโรยูกิ กาเกลียอาโน (Olucas Hiroyuki Gagliano) เพศ: ชาย (รสนิยม: Bisexual) วันเกิด: 14 มิถุนายน คศ. 2002 (อายุปัจจุบัน: 21 ปี) ส่วนสูง/น้ำหนัก: 178 ซม./~75 กก. เผ่า/ชาติพันธุ์: มนุษย์หมาป่า ชนชั้นเบต้า (ฝูงปัจจุบัน: เบนส์)/ญี่ปุ่น-อเมริกัน รูปพรรณสัณฐาน: ตาและผมสีดำ ผิวขาวเหลือง และมวลกล้ามมาตรฐาน มีรอยแผลเป็นลักษณะขีดข่วนบนหน้า (สันกรามสองข้าง, เหนือสันจมูก), ไฝกระจายบนหน้าเห็นได้ชัด 3 จุด ร่างมนุษย์หมาป่า: ส่วนสูง/น้ำหนักเพิ่มเป็น 182 ซม./~80 กก. จากมวลกล้ามที่เพิ่มขึ้น ตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ใบหูเรียวแหลม ฟันกับเล็บกลายเป็นเขี้ยวและกรงเล็บอย่างถาวรในร่างนี้ ร่างหมาป่า: เปลี่ยนรูปร่างเป็นหมาป่าซึ่งเดินสี่เท้าและไม่หลงเหลือคราบร่างมนุษย์ ส่วนสูงและน้ำหนักจึงลดเหลือ 74 ซม./~50 กก. ตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และขนลำตัวสีขาวม่น นิสัยและทัศนคติ: โดยปกติโอลุคจะเชื่อง ๆ เงอะงะ มักวางไม้วางมือไม่ค่อยถูกกับสถานการณ์ที่ไม่เคยชินและมักตัดสินใจต่าง ๆ ด้วยการรับรู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ยังสามารถแน่วแน่ได้และดูสุขุมขึ้นในบางครั้งที่สถานการณ์กดดัน ถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นมนุษย์หมาป่า โอลุคก็เป็นคนใจอ่อนข้อสงสาร ภาวนาให้กับสัตว์ที่ถูกตัวเองล่าเสมอ อีกทั้งยังใจเย็นพอตัว อาจมีบ้างที่รู้สึกขุ่นเคืองใจ แต่ก็ยากมากจะถึงขั้นโมโหร้าย โอลุคมักพยายามทำตัวเข้มแข็งและแสดงตนพึ่งพาได้ โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าต้องปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่ารอบ ๆ ตัว ต่อให้จะรู้สึกกลัวไม่ต่างกัน ซึ่งเห็นความลนลานจากการแสดงออก และเพราะการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติมาอย่างยาวนาน ทำให้เทคโนโลยี ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์และแนวคิดใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่โอลุคไม่คุ้นชินและต้องปรับตัวกับอีกหลาย ๆ อย่างที่เขายังไม่รู้ พฤติกรรมเคยชิน:
ความสามารถของมนุษย์หมาป่า:
ความสัมพันธ์กับตัวละคร:
ประวัติและภูมิหลัง: กาเกลียอาโน เป็นตระกูลมนุษย์หมาป่านักลอบสังหารญี่ปุ่นเก่าหรือที่เรียกว่า "นินจา" แต่เดิมทีตระกูลนี้ เคยใช้ชื่อว่า ยูโกคุ ซึ่งเป็นชื่อของแคว้นมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นอย่างในปัจจุบันเพียงเมื่อไม่นานมานี้ได้แค่หกสิบกว่าปีเท่านั้น กาเกลียอาโนมีรากฐานทางประวัติศาสตร์อันยาวนานอยู่ในแถบหุบเขาม่านหมอกของกิฟู ซึ่งที่ใจกลางหุบเขาเหล่านั้น มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างหลบหนีจากโลกภายนอกที่มีชื่อว่า ¹ ชิราคาวะ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของหมู่บ้านแยกย่อยทั้ง 17 แห่ง นั่นรวมถึง คิตายามะ หมู่บ้านที่ตระกูลกาเกลียอาโนครองอิทธิพล ชาวบ้านจำนวนสองในสิบ ล้วนมีสายเลือดของตระกูลกาเกลียอาโนจากการที่พวกเขาแต่งงานกันเองมาตั้งแต่สมัยเนินนาน นอกจากเรื่องเล่าถึงบทบาทสำคัญที่ไม่ได้ถูกจารึกในหน้าหนังสือ อย่างการปลิดชีวิตของ ² อาเคดะ ชินเง็น บุคคลสำคัญซึ่งเคยมีตัวตนจริงในยุคสมัยของเซ็นโกคุ ก็ไม่ปรากฏหลักฐานชิ้นไหนแน่ชัด ว่ากาเกลียอาโนเป็นมนุษย์หมาป่าต้นขั้วหรือต้องเลือดคำสาปนี้มาได้อย่างไร เควนติน ยางิซาวะ กาเกลียอาโน ประมุขของตระกูลหลักคนปัจจุบัน มีบุตรอยู่ด้วยกันสองคน คือ บีอังก้า ฟุยูเอะ กาเกลียอาโน ลูกสาวคนโตและ บาร์เรน ฟุยูโตะ กาเกลียอาโน ซึ่งเป็นน้องชาย สองพี่น้องมีนิสัยต่างกันละขั้ว โดยเฉพาะเรื่องความเด็ดขาด แต่ลูกชายที่ปวกเปียกกว่ากลับถูกใจเควนตินมากกว่าลูกสาวซึ่งมักแข็งข้อตน หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องคู่ชีวิต ในขณะที่บาร์เรนผู้ทำตามคำสั่งพ่อแต่โดยดีเสมอ สมรสกับ ลูซิล จิน กาเกลียอาโน ลูกสาวจากตระกูลรองตามที่ใด้หมั้นหมายและร่วมกันให้กำเนิดลูกชายสองคน คือ โอลุค ฮิโรยูกิ กาเกลียอาโน และ เอียน เฮียวโระ กาเกลียอาโน ด้วยกัน ซึ่งทั้งสองเป็นแฝดเทียม โดยนับตั้งแต่จำความได้ ทั้งโอลุคและเอียนไม่เคยพบหน้าน้าหญิงของตน อีกทั้งชื่อบีอังก้าก็ถูกห้ามไม่ให้ทุกคนเอ่ยถึงอีก ซึ่งไม่ใช่โดยใครเสียนอกจากเควนตินเอง "เธอเป็นคนกล้าหาญจนทำเรื่องที่ตระกูลนี้รับไม่ได้" บาร์เรนอธิบายกับลูกชายสองคน เมื่อครั้งโอลุคอายุ 4 ขวบและเริ่มพูดได้ คืนหนึ่งหลังจากเชิงเทียนทุกเล่มในบ้านดับจนมืดสนิท เขาเคยร้องขอให้พ่อช่วยอยู่ด้วยเป็นเพื่อน ขณะนั้นบาร์เรนได้เข้าใจไปว่าลูกชายตน คงจะรู้สึกกลัวการนอนคนเดียว หัวเราะทั้งคิดเสียอีกว่าโอลุคได้นิสัยนี้จากตัวเองมายังไง ก่อนที่ในวันเกิดครบรอบอายุ 6 ปีของเขาและน้องชาย ซึ่งเป็นวันแรกของทั้งคู่จะได้เดินทางร่วมกับฝูง เพื่อขึ้นไปยังที่ราบสูงซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่าลึกทอดยาวถึงนางาโนะ อันเป็นจุดดำเนินประเพณีประจำตระกูลหลาย ๆ อย่าง นับเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ในขณะที่ทุกคนอยู่กันพร้อมเพรียง มีแค่โอลุคที่หายตัวไปเพราะเขามัวแต่หลงทาง ทำให้ตระกูลรู้ว่าความจริงแล้วโอลุค บกพร่องความสามารถเหนือธรรมชาติของการมองเห็น เป็นมนุษย์หมาป่าที่ไม่สมบูรณ์และเปรียบได้กับคนที่พิการ เควนตินจึงว่าด้วยน้ำเสียงกร้าว "งั้นให้มันอยู่ที่นี่ ถ้ากลับมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับมาอีก ข้าเคยผ่านมันมาแล้วครั้ง…คิดว่าเสียใจหรือ?" เรื่องราวเพียงแค่คืนนั้นคืนเดียว สร้างบาดแผลอันเจ็บปวดของโอลุคอย่างฝังลึก การถูกเนรเทศให้ต้องกระเสือกกระสนอยู่ตั้งแต่อายุน้อย ความรู้สึกทั้งเจ็บและเศร้าใจที่สองที่พึ่งเดียวยังไม่แม้แต่จะปกป้อง ที่กลางป่าขณะกำลังสภาพร่อแร่ เขาได้รับความช่วยเหลืออย่างไม่คาดคิดจากมนุษย์ชายปริศนาผู้หนึ่ง และถูกพาตัวไปพักฟื้นที่กระท่อมเก่า ๆ โทรม ๆ ของเขา ชายดังกล่าวแนะนำตัวเองว่าเขาชื่อ ฮาฟตอร์น และเขายังรู้ว่าโอลุคเป็นมนุษย์หมาป่าตั้งแต่แรก อีกทั้งยังบอกให้เขาพักที่นี่เสีย ภาษาญี่ปุ่นของเขาห้วนและบางครั้งก็ฟังไม่ออก ทำให้โอลุคคิดว่าเขาเป็นลุงแปลก ๆ ที่ใจดี และเพราะกลัวการกลับไป โอลุคจึงไม่ได้ขัดขืนคำขอนั้นนัก แต่ถึงอย่างไรด้วยความเป็นเด็ก ย่อมเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้างเป็นปกติ ซึ่งฮาฟตอร์นไม่ได้ห้ามเขาหนีหรือไปแต่อย่างใด แค่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง เพราะคงไม่มีวันสามารถทำได้และนี่คือสิ่งที่ใครบางคนต้องการ มันมีช่วงเวลาที่เขาดื้อรั้นก็จริง แต่เมื่อเวลาผ่านไป โอลุคก็ค่อย ๆ เข้าใจเรื่องราว ทำให้จากวันนั้นจนวันนี้ ได้ล่วงเลยนานแล้วถึง 14 ปี ชีวิตไม่สะดวกสบายนักแต่ก็เรียบง่าย ในช่วงแรกนั้น โอลุคเคยตื่นเพราะได้ยินเสียงคร่ำครวญของฮาฟตอร์นโดยมีกระเป๋ากล่องหนังใบหนึ่งเปิดอยู่หน้าเขากับกระดาษในมือ หลังจากนั้นมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย วันหนึ่งโอลุคได้แอบติดตามฮาฟตอร์นซึ่งออกจากกระท่อมแต่เช้าในทุก ๆ วันของปี ก่อนเจอว่าเจ้าตัวนั่งอยู่หน้าก้อนหินเรียงกันสูงเป็นตั้งริมลำธาร ฮาฟตอร์นตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาจนเผลอทำกองหินล้มแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร เมื่อโอลุคถามถึงสิ่งนั้น น้ำเสียงสั่น ๆ เสมอของฮาฟตอร์นกลับดังฟังชัดชั่วขณะว่า "shawty" ซึ่งได้แต่ทิ้งความสงสัยไว้บนใบหน้าของโอลุค จนนำไปสู่การเปิดกระเป๋ากล่องหนังโดยวิสาสะเข้า มีทบเสื้อผ้าเก่า ๆ สีเขียวหม่นปะสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าบนแขน หมวกแข็ง ๆ กับแผ่นกระดาษที่เขาเคยเห็น เป็นภาพวาดเสมือนของหญิงสาวผู้หนึ่งวางทับไว้ เมื่อเขาพลิกดูด้านหลังก็เห็นเครื่องหมายสีดำไขว้ทับซ้อนกันอยู่บนพิกัดภูมิศาสตร์บางแห่ง มีตัวหนังสือถูกเขียนพร้อมกับลูกศรโยงไปยังจุดนั้น there it's Elysian, let's make it, three of us – "your eyes… they're lingering for curiosity, i remember her asking what my hometown looks like, it's pity she don't get image of it, yet they are really the same…" "ฉันกับเธอในรูป เราตั้งใจไปอยู่ที่นั่นพร้อมกับลูก like a family ถ้าเป็นที่หมู่บ้านนี้ ต้องต้อนรับเธอแน่นอนไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร It's not like the one you come from ฉันไม่ว่าถ้าเธออยากไปนะ ส่วนตัวฉันคงอยู่ที่นี่ ต่อให้ฉันไปด้วยไหม ความฝันจะเป็นจริงแค่ครึ่งอยู่ดี without her, it'll never be complete" ฮาฟตอร์นว่าก่อนจะยื่นปึกธนบัตรใหม่เอี่ยมซุกอยู่ใต้กล่องใบนั้นอีกทีให้กับเขา "บาร์เรนเคยให้มันไว้นานแล้ว เธอยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้หรอก แต่ถ้าวันไหนได้คำตอบ" "be happy...just come see us sometime, our lil' pup" แผนผังความสัมพันธ์กับตัวละครอย่างละเอียด (+รวมตัวละครนอกเส้นเรื่อง/กิจกรรม) คลิก ¹ เป็นเรื่องสมมติ อ้างอิงจากการสืบค้น ชิราคาวะ หรือ ชิราคาวาโกะ เป็นหมู่บ้านที่ประกอบขึ้นจากหมู่บ้านแยกย่อยทั้ง 16 แห่งเท่านั้น และหมู่บ้านคิตายามะไม่มีอยู่จริง ² เป็นเรื่องสมมติ อ้างอิงจากการสืบค้น อาเคดะ ชินเง็น ตามที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ ไม่ปรากฏว่าถูกสังหารโดยใคร ใส่ให้ดูมีกิมมิคเฉย ๆ อะดิ โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 12-27-2023, 02:35 PM โดย Olucas Gagliano
โอลูคัส ฮิโรยูกิ กาเกลียอาโน・幽谷 博之 why am I always be this pathetic แบนเนอร์กิจกรรม- |
ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้: |
1 ผู้เยี่ยมชม |