ตอบกระทู้
[ประวัติตัวละคร] Jonathan Kirstein Munson
07-14-2022, 04:55 PM
Jonathan Kirstein Munson โจนาธาน คริสไตน์ มันสัน
มนุษย์ระดับ 4 ― อนุชนเลือกสรร ชื่อเล่น : โจ ✦ เกิด : 13 กุมภาพันธ์ 1999 ✦ อายุ : 26 ปี ✦ กรุ๊ปเลือด : O เฟซเคลม : Cole Sprouse #1f1f1f ( ENFP ) ประวัติความเป็นมา
โจนาธาน คริสไตน์ มันสัน เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1999 ที่เมืองโบซแมน รัฐมอนแทนา ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อของเขา มิคาเอล เป็นคนอเมริกา โดยมีเชื้อสายอังกฤษเพียงแค่ 6.25% ส่วนแม่ของเขา มาร์ธา เป็นชาวอิตาลีที่นำความอบอุ่นและวัฒนธรรมอันสดใสมาสู่ครอบครัว โจนาธานเป็นลูกคนที่สามในพี่น้องห้าคน โดยเขาเป็นฝาแฝดกับโจเซฟ คริสไตน์ มันสัน (เซบ) ซึ่งมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ในช่วงวัยเด็ก โจนาธานเติบโตในบ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าของบรรพบุรุษเกี่ยวกับการล่าสัตว์และเรื่องราวของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ โดยมีพ่อของเขา มิคาเอล มันสัน เป็นผู้นำตระกูลในรุ่นปัจจุบัน ในช่วงเดียวกันโจนาธานก็สนิทกับรุ่นพี่รุ่นน้องของเขาชื่อไฮน์ริช อายุน้อยกว่าเขา 1 ปี เป็นลูกชายของพี่สาวพ่อเขา หรืออีกชื่อเรียกก็คือป้า พวกเขาอยู่ในสายเลือดที่ 1 ของตระกูล ไฮน์ริชได้รับเชื้อสายแวมไพร์มาจากพ่อของเขา ความสัมพันธ์ใกล้ชิดนี้ทำให้โจนาธานได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติมากขึ้นและตระหนักว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่อาศัยอยู่ สิ่งนี้จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นและเปิดโลกทัศน์ของเขาให้กว้างขึ้น แม้จะไม่มีพลังพิเศษเหมือนญาติพี่น้องบางคนที่สืบเชื้อสายจากเผ่าพันธุ์อื่น โจนาธานได้รับการฝึกฝนทักษะพื้นฐานในการล่าสัตว์ เช่น การยิงธนูและการตั้งค่ายในป่า ในช่วงวัยรุ่น โจนาธานสนใจเรื่องการถ่ายภาพและมักใช้เวลาว่างไปกับการออกไปถ่ายภาพกับน้องชายของเขา โจนาห์ (เจเค) ทั้งคู่ชอบสำรวจธรรมชาติและถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ด้วยกัน ความสนใจนี้กลายเป็นกิจกรรมที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง และยังช่วยให้โจนาธานได้ฝึกฝนมุมมองด้านศิลปะ นอกจากการถ่ายภาพ โจนาธานยังเริ่มสนใจงานออกแบบและเทคโนโลยีมากขึ้น เขามักทดลองสร้างหรือดัดแปลงอุปกรณ์ต่าง ๆ และคอยให้เจเคช่วยเขาทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสองจึงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงเวลานี้ ในขณะเดียวกัน โจนาธานมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับโจเซฟ (เซบ) พี่ชายฝาแฝดของเขา แม้ทั้งคู่จะรักและเข้าใจกันในหลายด้าน แต่ก็มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องบางเรื่อง โดยเฉพาะมุมมองเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและความรับผิดชอบต่อครอบครัว เซบมักมีบุคลิกที่จริงจังและเข้มงวดกว่าซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความขัดแย้งกับโจนาธานที่มีนิสัยผ่อนคลายกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมักหันหน้ากลับมาปรับความเข้าใจกันเสมอเมื่อมีปัญหาใหญ่ พวกเขามีความทรงจำวัยเด็กที่สนุกสนานร่วมกัน เช่น การเล่นซนในป่าและแข่งขันกันสร้างสิ่งประดิษฐ์เล็ก ๆ ซึ่งสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แม้ว่าความแตกต่างจะยังคงอยู่ แต่ทั้งคู่ต่างยอมรับในตัวตนของกันและกันในฐานะคู่แฝดที่ไม่มีใครแทนที่ได้ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โจนาธานเลือกศึกษาต่อด้านการออกแบบ UX/UI ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (UC Berkeley) ตลอดช่วงเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาใช้เวลาว่างพัฒนาผลงานส่วนตัวและรับงานฟรีแลนซ์ด้านการออกแบบ หลังจากเรียนจบ เขาทำงานเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว และใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนากิจกรรมในครอบครัวมันสัน เช่น การพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการล่าสัตว์ จนกระทั่งในปี 2022 โจนาธานก็ตัดสินใจย้ายไปที่หมู่บ้านเอลิเชียนตามคำบอกเล่าของคุณลุงธีเดอร์มันสามีของป้าตัวเขาเอง ที่มีสายเลือดแวมไพร์ หมู่บ้านที่เป็นแหล่งรวมของเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติ ด้วยความตั้งใจที่จะเรียนรู้วิถีชีวิตใหม่ ๆ และค้นหาเส้นทางของตัวเองในโลกที่กว้างขึ้น โจนาธานจึงได้เดินทางมาอาศัยอยู่ นับ ตั้งแต่บัดนั้น ![]() อุปนิสัย
งานอดิเรก
ความสัมพันธ์
อื่น ๆ
โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 04-06-2025, 07:55 PM โดย Jonathan K. Munson
![]() ![]()
( โจนาธาน คริสไตน์ มันสัน )
BANNER![]() ![]()
05-10-2024, 05:10 PM
Jonah Kristopher Munson โจนาห์ คริสโตเฟอร์ มันสัน
มนุษย์ระดับ 4 ― อนุชนเลือกสรร ชื่อเล่น : เจเค ✦ เกิด : 18 กุมภาพันธ์ 2002 ✦ อายุ : 23 ปี ✦ กรุ๊ปเลือด : O เฟซเคลม : Miles Robbins #609966 ( INFJ ) ประวัติความเป็นมา
โจนาห์ คริสโตเฟอร์ มันสัน เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2002 ที่เมืองโบซแมน รัฐมอนแทนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเป็นลูกคนที่สี่ของมิคาเอล มันสัน และมาร์ธา จิโอวานนี พ่อของเขา มิคาเอล เป็นคนอเมริกา โดยมีเชื้อสายอังกฤษเพียงแค่ 6.25% ส่วนแม่ของเขา มาร์ธา เป็นชาวอิตาลีที่นำความอบอุ่นและวัฒนธรรมอันสดใสมาสู่ครอบครัว โจนาห์เติบโตมากับพี่น้องสี่คน ได้แก่ จอร์แดน พี่ชายคนโต โจเซฟ คู่แฝดคนพี่ โจนาธาน คู่แฝดคนน้อง และโจไซอาห์ น้องชายคนเล็ก
ตั้งแต่วัยเด็ก โจนาห์แสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่เงียบขรึมและช่างคิด ซึ่งแตกต่างจากพลังงานที่เต็มเปี่ยมของพี่ชายคนโต และคู่แฝด แต่เขายังมีด้านซุกซนและขี้เล่นที่มักจะปรากฏขึ้นเมื่ออยู่กับคนที่เขาสนิทใจมากที่สุด คือ โจนาธาน คู่แฝดคนน้องที่อายุมากกว่าเขาประมาณสามปี โจนาธานมักล้อเลียนความเจ้าระเบียบของเขา แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นมากกว่าพี่น้องคนอื่น พวกเขาใช้เวลาสำรวจป่าใกล้บ้านด้วยกัน โดยการผจญภัยเหล่านี้มักถูกบันทึกผ่านเลนส์กล้องซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในถ่ายภาพของทั้งคู่
ความสนใจในการถ่ายภาพของโจนาห์เริ่มเบ่งบานในช่วงวัยมัธยมต้น เมื่อพ่อของเขามอบกล้องอนาล็อกเก่าแก่ให้เป็นของขวัญ ไม่เหมือนกับโจนาธานที่ชื่นชอบภาพถ่ายที่ดูดุดันและทรงพลัง โจนาห์กลับมีสไตล์ที่อ่อนโยนและเล่าเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง เขาค้นพบความงามในสิ่งธรรมดา เช่น หยดน้ำค้างบนใบหญ้า คลื่นเล็ก ๆ ในลำธาร หรืออารมณ์ที่ผ่านไปของผู้คนรอบตัว ด้วยกำลังใจจากพ่อแม่และครู โจนาห์เริ่มถ่ายภาพอย่างจริงจังจนได้รับรางวัลในระดับท้องถิ่น และเป็นที่ยอมรับในความสามารถพิเศษของเขา
ในช่วงมัธยมปลาย โจนาห์เป็นนักเรียนที่ขยันและมีความคิดสร้างสรรค์ เขาเข้าร่วมชมรมถ่ายภาพของโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้ฝึกฝนทักษะและเป็นพี่เลี้ยงให้กับรุ่นน้อง แม้ว่าเขาจะเป็นคนเงียบ ๆ แต่เสน่ห์และพรสวรรค์ของเขาก็ดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์รักครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ความรักครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็วเมื่อแฟนสาวของเขาบอกเลิกโดยไม่มีคำอธิบาย ทำให้โจนาห์ผิดหวังและเลิกสนใจเรื่องความรักไปโดยสิ้นเชิง เขาหันไปมุ่งเน้นที่ศิลปะและการพัฒนาตนเองแทน
หลังจบมัธยมปลาย โจนาห์เลือกเรียนต่อด้านศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการถ่ายภาพ ที่มหาวิทยาลัยมอนแทนา การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากโจนาธาน ผู้ที่เป็นช่างภาพฝีมือดีอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยทำให้โจนาห์เติบโตทั้งในด้านทักษะและมุมมองทางศิลปะ ผลงานของเขาแสดงถึงความหลากหลาย ตั้งแต่ภาพถ่ายทิวทัศน์ในเมือง ภาพพอร์ตเทรตที่เรียบง่าย ไปจนถึงงานทดลองที่สะท้อนอารมณ์ลึกซึ้ง เขาได้รับคำชมจากอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นอย่างมาก
นอกเหนือจากการเรียน โจนาห์สร้างกลุ่มเพื่อนที่สนิทและคอยสนับสนุนเขา แม้ว่าเขาจะยังไม่เปิดใจเรื่องความรัก แต่เพื่อน ๆ ก็มักล้อเขาเกี่ยวกับนิสัยน่ารัก ๆ เช่น การจ้องมองผ่านเลนส์กล้องนานจนลืมเวลา
ในปี 2024 โจนาห์สำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยม พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่วงการการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ ผลงานของเขายังคงสะท้อนบุคลิกเงียบสงบแต่ลุ่มลึก ถ่ายทอดช่วงเวลาแห่งความจริงใจและอารมณ์ที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะยังคงปิดกั้นตัวเองจากความรัก โจนาห์ยังคงแสดงความขี้เล่นในบางครั้ง โดยเฉพาะในช่วงรวมตัวครอบครัว ที่เสียงหัวเราะและความซนเล็ก ๆ ของเขาช่วยเติมชีวิตชีวาให้กับทุกคน โจนาห์ คริสโตเฟอร์ มันสัน ยังคงเป็นตัวแทนของมรดกอันยิ่งใหญ่ของตระกูลมันสัน ศิลปินผู้มองเห็นความงดงามในสิ่งเล็กน้อย
หลังจากที่โจนาธานเดินทางกลับมาจากหมู่บ้านเอลิเชียนหลังจากที่เขาแยกตัวออกไปอยู่เกือบทั้งปี โจนาห์ก็ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านเอลิเชียนจากปากโจนาธาน เรื่องราวที่ได้ฟังนั้นทำเขาก็รู้สึกสนใจอยู่ไม่น้อยและวางแผนที่จะเดินทางมาเพื่อเก็บภาพถ่ายสถานที่ต่าง ๆ ของหมู่บ้านเอลิเชียน เพราะเหตุนั้นโจนาห์จึงได้เดินทางมาพักอาศัยอยู่หมู่บ้านเอลิเชียนชั่วคราว และสานต่อเรื่องราวที่โจนาธานพี่ชายของเขาได้พักเอาไว้
![]() อุปนิสัย
งานอดิเรก ถ่ายภาพอ้างอิง:แม้จะเป็นทั้งงานและความหลงใหล แต่โจนาห์ยังคงมองว่าการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกที่เติมเต็มจิตใจ เขาชอบเดินทางไปในที่เงียบสงบ เช่น ป่า ทะเลสาบ หรือเมืองเล็ก ๆ เพื่อจับภาพบรรยากาศที่สะท้อนความรู้สึกของเขา เดินสำรวจธรรมชาติอ้างอิง:โจนาห์มักใช้เวลาในวันหยุดไปกับการเดินป่าหรือเดินเล่นในสวน เขาชื่นชอบการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะมันช่วยให้เขาผ่อนคลายและหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ อ่านหนังสืออ้างอิง:โจนาห์ชอบอ่านหนังสือแนวปรัชญา ศิลปะ และเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ เขาเชื่อว่าหนังสือช่วยให้เขาเข้าใจโลกและมุมมองของผู้คนมากขึ้น วาดภาพอ้างอิง:แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจัง แต่โจนาห์ชอบวาดภาพเป็นงานอดิเรก เขามักจะร่างภาพง่าย ๆ ในสมุดบันทึกเวลาเดินทางหรือระหว่างรอคอยอะไรบางอย่าง ฟังเพลงและดูภาพยนตร์อ้างอิง:เขาชอบฟังเพลงคลาสสิก เพลงโฟล์ก และเพลงที่มีเนื้อหาเล่าเรื่อง รวมถึงดูภาพยนตร์ที่มีโทนศิลปะหรือสะท้อนความลึกซึ้งของชีวิต เดินชมพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการศิลปะอ้างอิง:โจนาห์ชอบเดินดูผลงานศิลปะและภาพถ่ายจากศิลปินคนอื่น ๆ เพื่อหาแรงบันดาลใจ และเรียนรู้วิธีเล่าเรื่องผ่านมุมมองที่แตกต่าง ทำอาหารง่าย ๆอ้างอิง:แม้จะไม่ได้เป็นพ่อครัวมือฉมัง แต่เขาชอบทำอาหารง่าย ๆ โดยเฉพาะอาหารอิตาเลียนแบบบ้าน ๆ ที่ได้รับอิทธิพลจากแม่ ดูดาวอ้างอิง:ในคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง โจนาห์มักออกไปชมดาว เขารู้สึกว่ามันช่วยให้เขารู้สึกสงบ และเตือนตัวเองถึงความงดงามของจักรวาล ความสัมพันธ์
อื่น ๆ กลัวเสียงฟ้าร้องอ้างอิง:แม้จะดูสุขุมและนิ่งเงียบ แต่โจนาห์กลับมีความกลัวเสียงฟ้าร้องตั้งแต่เด็ก เวลาเกิดพายุเขามักจะหาที่เงียบ ๆ หรือใส่หูฟังเพื่อหลีกหนีเสียงนั้น สะสมกล้องถ่ายรูปโบราณอ้างอิง:โจนาห์มีงานอดิเรกเล็ก ๆ ในการสะสมกล้องถ่ายรูปโบราณ เขาชอบศึกษาเรื่องราวเบื้องหลังกล้องแต่ละตัว เช่น ใครเคยใช้ หรือมันถูกผลิตขึ้นเมื่อไหร่ ชอบกาแฟรสจืดอ้างอิง:โจนาห์ดื่มกาแฟแทบทุกวัน แต่เขาชอบดื่มกาแฟรสจืดแบบไม่มีน้ำตาลหรือครีม ทั้งที่คนรอบข้างชอบบ่นว่ามันขมเกินไป จำชื่อแมลงแปลก ๆ ได้อ้างอิง:เนื่องจากเขาชอบเดินป่าและถ่ายภาพธรรมชาติ โจนาห์จึงมีความสามารถพิเศษในการจำชื่อแมลงหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่หลายคนไม่คุ้น เขียนไดอารี่เป็นประจำอ้างอิง:โจนาห์เขียนไดอารี่ทุกวัน บางครั้งเขาก็วาดรูปเล็ก ๆ ลงไปด้วย เป็นวิธีที่เขาใช้จัดการกับความรู้สึกและเก็บความทรงจำ ร้องเพลงไม่เก่งแต่ชอบฮัมเพลงอ้างอิง:เขามักฮัมเพลงเบา ๆ เวลาทำงานหรือเดินเล่น แม้จะไม่ได้เสียงดีแต่เขาก็รู้สึกว่ามันช่วยให้ผ่อนคลาย แพ้กลิ่นน้ำหอมแรง ๆอ้างอิง:โจนาห์ไวต่อกลิ่นน้ำหอม โดยเฉพาะกลิ่นที่แรงหรือฉุนมาก เขามักจะหลีกเลี่ยงงานที่มีคนใช้กลิ่นเหล่านี้เยอะ ๆ ชอบนอนตะแคงซ้ายอ้างอิง:โจนาห์นอนหลับได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ในท่าตะแคงซ้าย และมักจะใช้หมอนเล็ก ๆ กอดไว้เสมอ กินพาสต้าได้ทุกวันอ้างอิง:เพราะได้รับอิทธิพลจากแม่ เขารักอาหารอิตาเลียน โดยเฉพาะพาสต้าซอสแบบง่าย ๆ อย่างมะเขือเทศหรือเพสโต้ เคยตั้งชื่อกล้องตัวโปรดว่า “ แอนนี่ ”อ้างอิง:กล้องตัวแรกที่พ่อให้เขาใช้ชื่อว่า “ แอนนี่ ” เพราะเขารู้สึกว่ามันเหมือนเพื่อนที่อยู่กับเขาในทุกการเดินทาง โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 02-20-2025, 03:51 PM โดย Jonathan K. Munson
![]() ![]()
( โจนาธาน คริสไตน์ มันสัน )
BANNER![]() ![]()
01-21-2025, 10:19 PM
introducing Joselle Ad veritatem per explorationem โจเซลลิน เฟลอร์ เดรก full name (thai) ลัวร์ วัลเลย์ - ฝรั่งเศล birthplace 1 3 day 0 2 month 1 9 9 9 year มนุษย์ tribe 4 level 25 age มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด education นักโบราณคดีอิสระ occupation เอคโค่ pet(s)
note โจเซล aliases INFJ mbti #A27B5C color code Zoia Mossour faceclaim Adventurous Intelligent and Observant Determined Kind and Warm Curious Natural Leader Nature and Art Lover Joselyn Fleur Drake full display name ตระกูลเดรก (Drake) —
เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีรากฐานมาจากชนชั้นสูงของฝรั่งเศส โดยถิ่นฐานของตระกูลอยู่ในชนบทของฝรั่งเศส เฉพาะในภูมิภาค ลัวร์ วัลเลย์ (Loire Valley) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเต็มไปด้วยคฤหาสน์เก่าแก่ รวมถึงสถานที่สำคัญทางโบราณคดีและวัฒนธรรม พื้นที่นี้ป็นที่ตั้งของตระกูลเดรกที่มีลักษณะเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ซึ่งปกคลุมไปด้วยเถาองุ่นและตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำลัวร์ (Loire River) ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของปราสาทและเมืองโบราณ ตระกูลนี้มีประวัติอันยาวนานเกี่ยวกับการผจญภัย การสำรวจทางโบราณคดี และการค้นพบความลับของโลก ตั้งแต่สมัยยุคกลาง ตระกูลเดรกได้สะสมความรู้และประสบการณ์ในการศึกษาประวัติศาสตร์โบราณ อารยธรรมที่สูญหาย และวัฒนธรรมจากดินแดนต่าง ๆ ต้นกำเนิดของตระกูลเดรกเริ่มต้นจากบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นนักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์จากฝรั่งเศสในยุคศตวรรษที่ 16 เขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาความลับของอารยธรรมโบราณ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและอเมริกาใต้ โดยในช่วงเวลานั้น ตระกูลเดรกได้เริ่มสร้างชื่อเสียงจากการค้นพบแหล่งโบราณคดีและวัตถุโบราณที่สำคัญ เมื่อเวลาผ่านไป สมาชิกในตระกูลเดรกยังคงสืบทอดความรู้ด้านโบราณคดีและการสำรวจ ตลอดจนการศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ โดยในช่วงศตวรรษที่ 19 พวกเขาได้ร่วมมือกับนักสำรวจชื่อดังในยุโรปและอเมริกาในหลายภารกิจสำคัญ เช่น การสำรวจซากปรักหักพังของอารยธรรมมายาในอเมริกากลาง และการค้นหาสมบัติในทะเลแคริบเบียน ซึ่งทำให้ตระกูลเดรกกลายเป็นที่รู้จักในวงการโบราณคดีระดับนานาชาติ ในยุคปัจจุบัน ตระกูลเดรกได้เคยเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการโบราณคดีและการสำรวจโลก แต่ในช่วงหลังๆ ชื่อเสียงของตระกูลเริ่มลดลงอย่างช้า ๆ ด้วยเหตุการณ์บางประการที่ไม่มีใครทราบแน่ชัด แม้จะมีความสำเร็จในอดีต แต่ความเป็นจริงกลับไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรักษาชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือไว้ได้ตลอดไป หลังจากการเสียชีวิตของฌอง มิเชล เดรก (Jean Michel Drake) ชื่อเสียงของตระกูลเดรกค่อย ๆ ถูกลืมเลือนจากวงการโบราณคดี ถึงแม้ชื่อเสียงของตระกูลเดรกจะลดลง แต่ของสะสมวัตถุโบราณและแผนที่ล้ำค่าในคฤหาสน์ของครอบครัวยังคงอยู่ ปรากฏให้เห็นถึงความสำเร็จในอดีตของพวกเขา ทั้งยังเต็มไปด้วยวัตถุที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่อาจหามาได้ง่าย ๆ สถานที่เหล่านี้ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ในปัจจุบัน ผู้ที่รับผิดชอบในการดูแลคฤหาสน์และมรดกของครอบครัวเดรกคือสองพี่น้อง โจอาควิน ชาร์ล เดรก และ โจเซลลิน เฟลอร์ เดรก ลูกของ ฌอง มิเชล เดรค ที่พยายามปกป้องสิ่งที่เหลือจากอดีตให้ดีที่สุด พวกเขายังคงรักษาความทรงจำและวัตถุโบราณเหล่านี้ไว้ ![]() โจเซลลิน เฟลอร์ เดรก (Joselyn Fleur Drake) —
เกิดในวันที่อากาศหม่นหมองและเศร้าหมองที่คฤหาสน์เก่าแก่ในชนบทฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคลัวร์ วัลเลย์ (Loire Valley) ซึ่งเป็นที่ตั้งของตระกูลเดรกมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอเกิด ทุกอย่างในครอบครัวเดรกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะการจากไปของแม่ของเธอ มาร์เกอริต (Marguerite) ที่เสียชีวิตจากการคลอดเธอ และการที่พ่อของเธอ ฌอง มิเชล เดรก (Jean Michel Drake) ถูกฆ่าตายอย่างปริศนาไม่กี่ปีหลังจากนั้น การสูญเสียทั้งสองคนในเวลาอันใกล้เคียงกันทำให้ชีวิตของโจเซลลินเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความเหงาในวัยเด็ก เธอไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ แต่กลับได้ถูกเลี้ยงดูโดยพี่ชาย โจอาควิน ชาร์ล เดรค (Joaquin Charles Drake) ผู้ซึ่งคอยดูแลและปกป้องเธออย่างดีที่สุดในฐานะพี่ชาย ในช่วงวัยเด็กของโจเซลลิน เธอเติบโตมาในคฤหาสน์เก่าแก่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและมรดกทางโบราณคดีจากครอบครัวเดรก คฤหาสน์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลัวร์ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหนังสือโบราณ แผนที่เก่าแก่ และของสะสมจากการสำรวจในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พ่อของเธอได้สะสมไว้จากการเดินทางและการสำรวจอารยธรรมโบราณ ตลอดช่วงวัยเด็ก โจเซลลินใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือและแผนที่โบราณ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่มีคุณค่า เธอได้เริ่มศึกษาภาษาและประวัติศาสตร์จากพี่ชายผู้รักในการเรียนรู้และการค้นคว้าความรู้ ทั้งสองพี่น้องมักจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับการสำรวจและอารยธรรมโบราณร่วมกัน โจเซลลินไม่เคยรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวมากนัก เพราะพี่ชายของเธอคอยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และสอนเธอในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านแผนที่โบราณ หรือการศึกษาภาษาละตินและสเปน เธอเรียนรู้ที่จะเข้าใจภาษาโบราณที่มีความสำคัญต่อการถอดรหัสแผนที่หรือการศึกษาวัตถุโบราณในภายหลัง เมื่อเธอเริ่มโตขึ้นความสนใจของเธอเกี่ยวกับการสำรวจและการค้นพบทางโบราณคดีก็ยิ่งทวีความชัดเจนขึ้น โจเซลลินมักจะได้ยินเรื่องราวจากพี่ชายเกี่ยวกับการสำรวจต่าง ๆ ที่ตระกูลเดรกเคยทำในอดีต รวมถึงการค้นพบวัตถุโบราณและแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในหลายทวีป เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น โจเซลลินเริ่มแสดงความสามารถในการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี เธอเริ่มเข้าใจถึงความลึกซึ้งของอารยธรรมโบราณและการเชื่อมโยงระหว่างยุคสมัยต่าง ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคละตินอเมริกา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของครอบครัวเธอ การได้เรียนรู้เกี่ยวกับอารยธรรมมายา อินคา และอารยธรรมโบราณอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ในอเมริกาใต้ทำให้โจเซลลินมีความกระตือรือร้นในการสำรวจและค้นคว้าต่อไป เมื่ออายุได้ 18 ปี โจเซลลินได้เริ่มศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในปารีส โดยเลือกเรียนในสาขาโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ด้วยความที่เธอมีพื้นฐานในการศึกษามาก่อนจากการที่ได้รับการสอนจากพี่ชาย เธอสามารถทำงานวิจัยและเรียนรู้จากประสบการณ์จริงได้อย่างรวดเร็ว ในระหว่างที่เรียนในมหาวิทยาลัย โจเซลลินยังได้เข้าร่วมการสำรวจทางโบราณคดีในหลาย ๆ โครงการ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ในการสำรวจและขุดค้นโบราณวัตถุ แม้ว่าครอบครัวเดรกจะเผชิญกับความยากลำบากในช่วงที่ชื่อเสียงของตระกูลเริ่มลดลง แต่โจเซลลินก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะตามรอยพ่อและพี่ชายในการค้นคว้าความรู้ทางโบราณคดี และยังคงรักษามรดกที่ครอบครัวของเธอสั่งสมไว้ หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย โจเซลลินได้กลับมาที่คฤหาสน์เดรกกับพี่ชาย เธอยังคงทำงานในวงการโบราณคดีและทำการศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอคือการรักษามรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตระกูลไว้ให้คงอยู่ และไม่ให้ความทรงจำของพ่อและแม่ของเธอถูกลืมไป โจเซลลินยังคงเชื่อมั่นว่าการค้นพบความลับของโลกโบราณไม่ใช่แค่หน้าที่ทางวิชาการ แต่เป็นการสืบทอดมรดกของตระกูลเดรกที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและการสำรวจ ในปัจจุบันโจเซลลิน เฟลอร์ เดรก ได้ดำเนินชีวิตในฐานะนักโบราณคดีผู้มุ่งมั่น เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางสำรวจสถานที่ที่ยังไม่เคยมีใครค้นพบ และเธอมีนิสัยชอบเสาะหาเรื่องราวลึกลับที่ถูกซ่อนเร้นจากสายตาของโลก ความอยากรู้อยากเห็นของเธอนำพาเธอเข้าสู่กลุ่มสนทนาออนไลน์ใน เรดดิต ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนจากทั่วโลกแบ่งปันเรื่องราวและปริศนาที่ดูเหมือนจะไม่มีคำตอบ
วันหนึ่ง เธอได้พบกับกระทู้หนึ่งที่กล่าวถึง หมู่บ้านเอลิเชียน สถานที่ลึกลับที่ดูเหมือนจะไม่มีอยู่ในแผนที่ แต่กลับมีผู้คนบางส่วนอ้างว่าเคยพบเห็นหรือมีประสบการณ์แปลกประหลาดเมื่อเดินทางไปที่นั่น ตามคำบอกเล่า หมู่บ้านเอลิเชียนตั้งอยู่แถวหุบเขาซานฟรานซิสโก และมีประวัติความเป็นมาที่แฝงไปด้วยมนต์ขลังและตำนานลึกลับ บางคนบอกว่าที่นี่อาจเป็นสถานที่เชื่อมโยงกับอารยธรรมโบราณ บ้างก็เล่าว่ามันอาจเป็นที่ซ่อนของสมบัติที่ไม่มีใครเคยค้นพบ ความสงสัยของโจเซลลินถูกกระตุ้นทำให้เธอตัดสินใจว่าหมู่บ้านเอลิเชียนแห่งนี้ต้องมีอะไรมากกว่าเนื้อหาที่ถูกเขียนในกระทู้เรดดิต โจเซลลินรู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่อาจอดใจรอได้ เธอเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับหมู่บ้านเอลิเชียนจากทุกแหล่งข้อมูลที่หาได้ ทั้งบทความเก่า บันทึกการเดินทาง และแม้กระทั่งตำนานท้องถิ่นที่ถูกละเลยในวงวิชาการ เมื่อเธอรวบรวมข้อมูลได้มากพอ เธอก็เก็บกระเป๋า เดินทางออกจากฝรั่งเศส และมุ่งหน้าไปยังซานฟรานซิสโก ของสหรัฐ ฯ ในทันที ![]() biography
อุปนิสัย — โจเซลลินเป็นหญิงสาวที่โดดเด่นด้วยความฉลาดเฉลียว และความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่อย่างรวดเร็ว เธอมีจิตใจที่เข้มแข็ง และไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต ความไม่ยอมแพ้ของเธอเปรียบเสมือนแรงขับเคลื่อนที่ผลักดันให้เธอไปข้างหน้าเสมอ ความช่างสังเกตเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่ง เธอสามารถมองเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่คนอื่นมองข้าม และใช้มันเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจหรือไขปริศนา โจเซลลินยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งที่เธอรักและสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว มิตรภาพ หรือมรดกของตระกูล เธอพร้อมยืนหยัดเพื่อรักษาสิ่งเหล่านั้น
ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เธอเป็นคนที่หลงใหลในความลึกลับและความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่รีบเร่งในการตัดสินใจ เธอเป็นคนละเอียดรอบคอบ ที่ชั่งน้ำหนักทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ โจเซลลินมีหัวใจที่รักความยุติธรรม เธอไม่ยอมให้สิ่งผิดพลาดถูกมองข้าม และจะยืนหยัดในสิ่งที่เธอเชื่อมั่น นอกจากนี้ เธอชอบเผชิญหน้ากับ ความท้าทาย เพราะมันเป็นโอกาสให้เธอพิสูจน์ความสามารถและเติบโต แม้ว่าเธอจะมีด้านที่โรแมนติกในเชิงปรัชญา เธอชอบครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิต ความหมายของอดีต และอนาคต แต่เธอก็มีด้านที่ อ่อนโยน อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม เธอมักจะ ปิดกั้นตัวเอง ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นง่าย ๆ เพราะเธอไม่อยากให้คนรอบข้างต้องกังวล
personality relationship - - ![]() ![]()
( โจนาธาน คริสไตน์ มันสัน )
BANNER![]() ![]()
01-21-2025, 10:20 PM
Munson ตระกูลมันสัน (Munson Family) เริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ในสหรัฐอเมริกา โดยมี อีเซเคียล มันสัน (Ezekiel Munson) เป็นต้นตระกูล เขาและภรรยา มาร์กาเร็ต เฮย์ส (Margaret Hayes) หญิงสาวชาวยุโรป ซึ่งตระกูลนี้มีต้นกำเนิดจากครอบครัวชาวนาและช่างฝีมือที่ใช้ชีวิตพึ่งพิงธรรมชาติ ทั้งสองได้สร้างครอบครัวและตั้งรกรากในภูมิภาคชนบทของเมืองโบซแมน (Bozeman) รัฐมอนแทนา (Montana) ประเทศสหรัฐอเมริกา ในพื้นที่ที่ยังคงมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของตระกูลมันสัน ที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องธรรมชาติและชุมชนจากภัยคุกคามต่าง ๆ รวมถึงสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่มักจะเข้ามาก่อกวนพื้นที่ชุมชนของพวกเขา
โดยในช่วงแรกของตระกูลมันสัน ทักษะการล่าสัตว์และการใช้ชีวิตในป่าถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการดำรงชีวิต พวกเขาไม่เพียงแต่พึ่งพิงทักษะเหล่านี้เพื่อความอยู่รอดของตนเอง แต่ยังเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ การล่าสัตว์ไม่ใช่เพียงการหาอาหารและทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการปกป้องจากสัตว์ป่าที่อาจเป็นอันตรายหรือจากกลุ่มมนุษย์ที่เป็นศัตรูและมักจะมาโจมตีในยามค่ำคืน พวกเขาได้พัฒนาทักษะการฝึกสุนัขสำหรับการล่าสัตว์ ซึ่งทำให้การล่าสัตว์ในป่ากลายเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความสามารถในการร่วมมือระหว่างมนุษย์และสุนัข ตลอดจนการใช้ธนูและอาวุธอื่น ๆ ที่สามารถช่วยป้องกันการบุกรุกจากสัตว์ป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติไม่เพียงแต่จำกัดอยู่แค่การล่าสัตว์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างที่พักพิงในป่าชั่วคราว การติดตามรอยสัตว์ที่เดินผ่านไปมา และการรับมือกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของตระกูลมันสันในช่วงเวลานั้น การฝึกฝนทักษะเหล่านี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นสมาชิกในตระกูลนี้ และเป็นสิ่งที่สมาชิกในตระกูลต้องเรียนรู้ตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเวลาผ่านไปและสังคมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในศตวรรษที่ 19 ตระกูลมันสันเริ่มเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การเกิดขึ้นของอุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการเคลื่อนย้ายของประชากรทำให้วิถีชีวิตของพวกเขาต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ในช่วงนั้นอาชีพการล่าสัตว์ของตระกูลได้เริ่มตกต่ำลง ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สมาชิกตระกูลมันสันได้เริ่มแยกย้ายออกไปใช้ชีวิตในแบบของตนเอง ก่อนที่บางคนจะได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เพราะสมาชิกในตระกูลบางคนได้บังเอิญรู้จักและคบหากับบุคคลจากเผ่าพันธุ์อื่นนั่นเอง เนื่องจากการปรับตัวเข้าสู่สังคมสมัยใหม่ทำให้สมาชิกในตระกูลมันสันหลายคนเริ่มหันไปมุ่งสู่อาชีพใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากการล่าสัตว์ในอดีต เช่น นายแบบ นักแสดง อินฟลูเอนเซอร์ นักสืบ และนักออกแบบ เป็นต้น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สมาชิกหลายคนเริ่มมีครอบครัวใหม่และสร้างเครือข่ายสังคมกับกลุ่มชาวยุโรป ทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรมและวัฒนธรรมในสายเลือดมากขึ้น ที่สำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลมันสันกับเผ่าอื่น เช่น แวมไพร์และมนุษย์หมาป่า ส่งผลให้บางสายเลือดมีความสามารถพิเศษที่โดดเด่น เช่น ความแข็งแกร่ง ว่องไว หรือความคิดสร้างสรรค์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไป สมาชิกบางคนในตระกูลยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมที่เน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติและการปกป้องชุมชน พวกเขายังคงสืบทอดความรู้เกี่ยวกับการติดตามรอยสัตว์ การฝึกสุนัข และการใช้ชีวิตในป่า ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของตระกูลมันสัน ความสามารถเหล่านี้อาจไม่ได้ถูกใช้ในชีวิตประจำวันเหมือนในอดีต แต่ยังคงถูกถ่ายทอดให้กับสมาชิกบางส่วนที่สนใจ
ในปัจจุบันตระกูลมันสันยังคงตั้งถิ่นฐานในชนบทของรัฐมอนแทนา (Montana) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และภูมิประเทศแบบภูเขา พื้นที่นี้เหมาะสมกับวิถีชีวิตดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์ การฝึกสุนัข และการใช้ชีวิตในป่า ตระกูลมันสันถือว่าโบซแมนเป็นศูนย์กลางของรากเหง้าทางวัฒนธรรมและความทรงจำในอดีตของตระกูล แม้ว่าสมาชิกบางส่วนจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานในเมืองใหญ่อื่น ๆ แต่บ้านดั้งเดิมในโบซแมนยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่เชื่อมโยงตระกูลเข้ากับมรดกทางประวัติศาสตร์ของพวกเขา แนบผังตระกูล ยังไม่เสร็จจั๊บ
ตระกูลมันสันถูกแบ่งออกเป็น 4 สายเลือดได้แก่
ตระกูลมันสันสืบทอดมาจนถึงรุ่นที่ 7 โดยทุกสายเลือดมีทายาทรุ่นที่ 7 ยกเว้นสายเลือดที่ 4 ที่สมาชิกคนปัจจุบันยังอยู่ในรุ่นที่ 6 สายเลือดทั้ง 4 นี้เป็นตัวแทนของความหลากหลายและความเข้มแข็งของตระกูลมันสันที่ยังคงดำรงอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
![]() ![]() ![]()
( โจนาธาน คริสไตน์ มันสัน )
BANNER![]() ![]() |
ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้: |
1 ผู้เยี่ยมชม |