ตอบกระทู้
[ประวัติตัวละคร] Samanthia Lavigne
06-03-2022, 02:12 AM
TW : เลือด, การทำร้ายและทรมาณร่างกาย, การกล่าวถึงความตาย, การฆ่าตัวตาย ชื่อตัวละครภาษาอังกฤษ : Samanthia Lavigne ชื่อตัวละครภาษาไทย : ซาแมนเธีย ลาวีน ชื่อเล่น / ชื่ออื่น ๆ : แซม, ซาเอะ, เธีย (เฉพาะคนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น) วัน/เดือน/ปีเกิด : 21 ธันวาคม 1801 อายุ : 222 ปี (อายุร่างกาย 25 ปี) เผ่าพันธุ์ : แวมไพร์ ประวัติความเป็นมา :ซาแมนเธีย หรือชื่อในอดีตอย่าง โฮโจ ซาเอะ ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลโฮโจ ครอบครัวนักการค้าที่ร่ำรวยมากในกลางยุคเอโดะของประเทศญี่ปุ่น ตระกูลโฮโจเป็นตระกูลค้าผ้าฝ้ายคุณภาพที่มั่งคั่ง อีกทั้งเป็นเพียงตระกูลเดียวที่ทางจักรพรรดิโคกากุ ผู้ปกครองประเทศญี่ปุ่น ณ ตอนนั้นติดต่อค้าขายเป็นประจำด้วย ซาเอะและครอบครัวจึงมักได้เข้าออกวังราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง เช่นนั้นเอง ในคืนหนึ่งที่เธอเพิ่งทำการจัดส่งสินค้าและร่วมทานอาหารกับเหล่านางใน ซาเอะได้พบเข้ากับหนุ่มร่างสูงใบหน้ายุโรปคนหนึ่งเข้าด้วยความบังเอิญ เขาอ้างว่าเขาคือตัวแทนคณะขุนนางราชวงศ์ฮันโนเฟอร์จากสหราชอาณาจักร ที่ถูกส่งมาทำงานเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศญี่ปุ่น ด้วยใบหน้าของเขาที่ออกไปทางคอเคซอยด์ที่ดูแปลกตา สีผิวที่ขาวซีดและส่วนสูงที่ยากจะเอื้อมถึง ทำให้ซาเอะรู้สึกสนใจในตัวของเขาตรงหน้าเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเธอจึงลักลอบเข้าวังมาทั้งที่ไม่มีธุระใดบ่อยมากขึ้น หรือบางครั้งหลังจากที่ทำการส่งสินค้าและทานอาหารเสร็จ เธอมักจะใช้เวลาอยู่ในพื้นที่วังจนดึกดื่น สิ่งแปลกที่ซาเอะสังเกตุได้ สำหรับชายคนดังกล่าวที่เธอทราบชื่อภายหลังว่าเขาคือ เซอร์อาร์ธีมิอุส ลุดวิก แมนเดวิลล์ นั่นก็คือการที่เธอสามารถพบเขาได้ในยามค่ำคืนเท่านั้น หากเธอเขาไปพบเจอเขาในเวลากลางวัน เธอจะต้องสื่อสารกับเขาผ่านประตูกระดาษสาของตำหนักอาคันตุกะเท่านั้น ซาเอะเริ่มสนิทสนมกับชายผู้นี้มากขึ้น กว่าเขาและเธอจะยอมรับว่ามีใจให้กันและกัน ก็เป็นเวลาหนึ่งปีกว่าแล้ว
วันหนึ่ง พ่อของซาเอะเริ่มสังเกตได้ถึงพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป เขาได้ส่งคนไปตามสืบจนรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาจึงเตรียมการเผด็จศึกลูกสาวหัวรั้นคนนี้ ด้วยการจับเธอแต่งงานกับผู้อื่นให้เร็วที่สุดและจัดการกับท่านเซอร์ให้สิ้นซาก ซาเอะที่ไหวตัวทันจึงรีบนำเรื่องนี้ไปบอกด้วยความกลัวที่จะต้องเสียรักข้างเดียวคนนี้ไป แต่ท่านเซอร์กลับไม่ได้มีที่ท่าร้อนใจอันใด เขาบอกให้เธอเข้ามาหลบหนีในตำหนักที่เขาอยู่เสียก่อน เขาจะเป็นคนไป เจรจา เรื่องนี้ด้วยตนเอง และเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เขาจะกลับมารับเธอออกไปจากประเทศนี้เอง ด้วยความรักที่ซาเอะมีให้ท่านเซอร์ เธอจึงเชื่อฟังและยอมอยู่ที่นี่ ผ่านไปหลายชั่วโมงของการเจรจาของท่านเซอร์ ในที่สุดเขาก็กลับมาหาเธอที่ตำหนักในยามดึก แต่คราวนี้เขากลับไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากยิ้มและบอกให้ซาเอะรีบตามขึ้นเรือมา เธอและเขาต้องออกจากที่นี่ไปโดยเร็ว ซาเอะตอบตกลงอีกฝ่ายอย่างไม่มีข้อกังขาด้วยความรัก และหนีตามขึ้นเรือสำราญไปกับเหล่าคณะขุนนางและท่านเซอร์ โดยที่ไม่รู้ว่าครอบครัวโฮโจนั้นถูกสังหารลงจนไม่เหลือใคร และทิ้งศพที่ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียวไว้ในบ้านอย่างปริศนา
แปดเดือนผ่านไปของการเดินทางในทะเล หลังจากที่เรือสำราญไม้ลำใหญ่เทียบท่าที่ประเทศอังกฤษ ซาเอะและเซอร์อาร์ธีมิอุสตกลงปลงใจเข้าพิธีสมรสกันในที่สุด ซาเอะได้กลายเป็นภรรยาคนแรกของท่านเซอร์ พร้อมทั้งตั้งชื่อใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายของสหราชอาณาจักรจนกลายเป็น ซาแมนเธีย แมนเดวิลล์ ชีวิตรักของเธอสงบสุขดี หากแต่ญาติพี่น้องรอบตัวของท่านเซอร์ต่างรังเกียจหญิงสาวคนนี้เข้าไส้ เพราะนอกจากเธอจะเป็นหญิงเชื้อชาติเอเชียที่พวกเขามองว่าเป็นทาสเสมอมาแล้ว เธอก็ยังไม่ใช่ “สะใภ้ในอุดมคติ” ที่ครอบครัวนี้ต้องการอีก เหล่าญาติบ้านแมนเดวิลล์ นำโดยแม่ของท่านเซอร์อาร์ธีมิอุส พยายามคอยหาทางจำกัดแซมให้พ้นไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้ ทั้งกลั่นแกล้ง ดูถูกเหยียดหยามชาติเกิด และบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ทรมาณตนเอง แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ก็จะมีท่านเซอร์คอยช่วยเหลือภรรยาสุดที่รักไว้เสมอ และแซมเองยังเป็นคนที่ความอดทนสูงมากพอด้วย สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ที่รังเกียจแซมมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนในที่สุดคนพวกนั้นตัดสินใจขั้นเด็ดขาด คือการ จบชีวิต ของแซมให้สิ้นซาก พวกเขาวางแผนหลอกล่อให้อาร์ธีมิอุสเดินทางออกไปต่างเมืองเป็นเวลานาน ปล่อยให้หญิงสาวอยู่ภายในบ้านกับเหล่าญาติเพียงลำพัง เมื่อสบโอกาส พวกเขาจึงจับแซมไปไว้ในห้องใต้ดินของบ้าน พร้อมเริ่มบรรเลงบทกวีแห่งความทรมาณให้แก่แซมทันที ทั้งเฆี่ยน ตี ทุบ สารพัดการโจมตีทุกอย่างที่พวกมันจะทำได้ พร้อมทั้งยังเปิดเผยความจริงให้แก่หญิงสาวไร้ทางสู้ได้ทราบ ว่าแท้จริงแล้วบ้านแมนเดวิลล์นั้น คือเหล่าแวมไพร์ที่ทรงอิทธิพลมากตระกูลหนึ่งในอังกฤษ รวมถึงท่านเซอร์ที่เธอแต่งงานด้วยก็เป็นแวมไพร์เช่นเดียวกัน เมื่อเผยความจริงแล้ว เหล่าแวมไพร์ผู้รังเกียจมนุษย์นั่นก็ลงมือกับเธอหนักขึ้น อย่างการคอยดูดเลือดของแซมไปเรื่อย ๆ จนร่างกายของเธอเข้าใกล้ความตายทุกที
แต่ด้วยสายใยแห่งรักหรืออื่นใดก็ตาม อาร์ธีมิอุสสัมผัสได้ถึงรังสีของความไม่ปลอดภัยของซาแมนเธีย แต่เขาเองก็เดินทางออกมาได้ไกลกว่าที่จะกลับไปแล้ว เขาจึงสั่งให้สมุนแวมไพร์เกือบสิบชีวิตรีบมุ่งกลับไปที่คฤหาสน์แมนเดวิลล์เพื่อช่วยเหลือแซมให้เร็วที่สุด หากใครขัดขวางก็กำจัดทิ้งทันที สมุนของอาร์ธีมิอุสทั้งหมดเข้าต่อสู้กับญาติพี่น้องแมนเดวิลล์ที่มีส่วนร่วมในการทำร้ายแซมปางตาย ร่วมถึง “แม่” ผู้สร้างอาร์ธีมิอุสขึ้นมาเองที่สมุนทั้งสิบต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการโฆ่นล้มเธอ พร้อมเข้าช่วยเหลือหญิงสาวที่ใกล้สิ้นใจและนำเธอกลับไปหาท่านเซอร์ทันที่ สายตาและชีพจรชีวิตของแซมค่อย ๆ ริบหรี่ลงทุกวินาที หากเขาส่งคนไปรับร่างของเธอช้าเพียงนิดเดียว แซมที่ตนรักจะต้องจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน ในที่สุดเขาจำใจต้องทำให้สิ่งที่เขาไม่อยากทำกับหญิงสาวมากที่สุด อาร์ธีมิอุสฝังคมเขี้ยวที่ซ่อนไว้ตลอดเวลาที่อยู่กับแซมออกมา ลงไปบนคอของเธอและแลกเปลี่ยนเลือดสีสดของกันและกัน เพื่อต่อชีวิตของคนรักที่อยู่ในอ้อมอกของตนในที่สุด
แซมตื่นขึ้นมาอีกครั้งและพบว่าเธอยังไม่ตาย แถมบาดแผลเมื่อคืนที่ได้รับก็ไม่ปรากฎขึ้นตามร่างกายอีกด้วย เธอลุกขึ้นไปส่องดูตัวเองในกระจกของห้องนอนใหญ่ ก็พบว่าผิวที่ซีดลงจนเห็นได้ชัดแม้แต่เธอเองก็ยังตกใจ มือบางจึงเอื้อมไปเปิดหน้าตาเพื่อรับแสงแดด แต่แทนที่มันจะสร้างความสดใสของวันนั้น มันกลับทำร้ายผิวหนังของเธออย่างรุนแรง แซมคนเดิมได้เสียชีวิตลงไป และเกิดใหม่เป็นแวมไพร์ตนใหม่ของบ้านแมนเดวิลล์นั่นเอง ท่านเซอร์ที่พบว่าการถ่ายเลือดของเขาให้คนรักเมื่อคืนนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทั้งสองโผลเข้ากอดกันด้วยน้ำตาแห่งความปิติและซาบซึ้ง แต่ยังไม่ทันให้เธอได้ดีใจกับชีวิตใหม่ อาร์ธีมิอุสต้องรีบแจ้งเรื่องที่สำคัญมากให้แก่เธอได้รับรู้ หนึ่งในสมุนแวมไพร์ของท่านเซอร์ได้แจ้งให้เขาทราบว่าแม่ผู้สร้างอาร์ธีมิอุสนั้นยังไม่สิ้นใจ และเธอกำลังออกตามล่าเขาและแซมเพื่อปลิดชีวิตให้จงได้ หากเธอและเขายังอยู่ด้วยกัน ชีวิตของทั้งสองคงต้องพบแต่ความไม่สงบไปอีกหลายร้อยแม่ เพื่อความปลอดภัยของซาแมนเธียที่ตนรักที่สุด เขาจำใจต้องปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากเขา และส่งแซมออกไปกับสหายแวมไพร์ลึกลับท่านหนึ่ง ที่กำลังเตรียมการหลบหนีอยู่ที่ท่าเรือใกล้บ้านแล้ว แม้แวมไพร์หนุ่มยังรักเธอคนนี้สุดหัวใจอยู่ก็ตาม แต่เพื่อความปลอดภัยของคนรัก เขาก็ต้องทำ ท่านเซอร์นำตัวของแซมไปส่งขึ้นเรือคนสินค้าที่เขาจัดการไว้ให้เพื่อเธอ ปล่อยให้หน้าที่ของสหายของตนต่อในการดูแลหญิงสาว พร้อมทั้งเผาทะเบียนสมรสของตนทิ้งเป็นสัญญาณของการเลิกรา ภาพสุดท้ายของแซมที่ดวงตาเอ่อไปด้วยน้ำสีใส คือท่านเซอร์ที่ส่งยิ้มสุดท้ายให้แก่เธอ และหันหลังเดินกลับเข้าไปในป่าลึกเพียงลำพัง และค่อย ๆ ไกลออกไปเรื่อย ๆ
ระหว่างการเดินทางไปตามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แวมไพร์ที่เป็นสหายของอดีตสามีนาม อิไลจาร์ สอนให้แซมใช้ชีวิตเฉกเช่นแวมไพร์ เหมือนกับพ่อที่สอนลูกเล็ก ทั้งการดื่มเลือด การแปลงร่างเป็นค้างคาว รวมถึงสอนให้รู้ถึงความสามารถของแวมไพร์ที่เธอได้รับมา อิไลจาร์จึงเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของแซม แต่เวลาแห่งการเรียนรู้นั้นอยู่ไม่นาน ค.ศ. 1860 การเดินทางด้วยเรือลำใหญ่ก็สิ้นสุดลง อิไลส่งแซมลงที่ท่าเรือขนส่งสินค้าใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกล่าวว่าหลังจากนี้ หญิงสาวต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ด้วยตนเอง อย่างน้อยสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอได้เป็นอย่างสุดท้าย คือการส่งมนุษย์คนหนึ่งมารับเธอไปอยู่ด้วย แซมบอกลาพ่อคนที่สองของตน พร้อมทั้งทำความรู้จักกับ จอร์จ มนุษย์ที่อิไลบอกว่าส่งมาเพื่อรับแซมไปในที่ที่ปลอดภัย ทั้งสองออกเดินทางอยู่สามวันสองคืน จนจอร์จพาแซมมาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง “เอลิเชียน” คือชื่อของหมู่บ้านที่เขาเล่าว่า เขาอาศัยมาตั้งแต่ที่มันเริ่มก่อตั้งเมื่อสิบปีก่อน ที่นี่ปลอดภัยต่อแวมไพร์เช่นแซม รวมถึงเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติอื่น ๆ ก็เช่นกัน จอร์จจึงเสนอให้เธออยู่ปักหลักอยู่ที่นี่ และเขาจะเป็นคนช่วยเหลือเธออยู่ที่นี่เอง แซมเห็นว่าที่นี่ช่างสงบเหมือนกับที่จอร์จกล่าว รวมถึงเธอเองก็ไม่อยากเดินทางไปไหนมาไหนอีกแล้วด้วย จึงตัดสินใจอยู่ที่หมู่บ้านเอลิเชียนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตั้งแต่ ค.ศ. 1860 เป็นต้นมา แซมดำรงชีวิตอยู่กับจอร์จและครอบครัวของเขา ในฐานะสหายเคียงกายในชายคาบ้านหลังเดียวกับเขาและภรรยา รวมถึงสมาชิกครอบครัวของจอร์จคนอื่น ๆ ต้อนรับแวมไพร์คนนี้เป็นอย่างดี ดีกว่าที่บ้านแมนเดวิลล์ได้ทำกับเธอไว้ แซมจึงตอบแทนความดีงามของทั้งหมด ด้วยการเผยแพร่ความรู้ที่มีแต่เดิมในเรื่องการทอผ้าฝ้ายให้แก่ครอบครัวนี้ จนทำให้บ้านหลังนี้เริ่มร่ำรวยขึ้นจากธุรกิจดังกล่าวมาตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน แซมอาศัยการวาดรูปและการสร้างงานศิลปะเป็นอาชีพหลักในการหาเงินดำรงชีพอยู่ที่นี่ บ้างก็กลับไปทำอุตสาหกรรมผ้าบ้างหากรู้สึกคิดถึง นอกจากนี้เธอยังศึกษาและเรียนรู้เรื่องราวน่ารู้เพิ่มเติม เช่น การทำสวน การเลี้ยงสัตว์ รวมถึงศาสตร์ของแวมไพร์เองเธอก็ศึกษาเป็นประจำด้วย
เมื่อไม่นานมานี้หลังจากการรับรู้ข่าว ว่าท่านเซอร์แมนเดวิลล์ยังไม่สิ้นใจและกำลังออกตามหาเธออยู่ แซมหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย เพราะแม้ว่าเธอยังไม่ลืมเขาไปจากความทรงจำ แต่ความรู้สึกรักทั้งหมดเธอยกให้กับชายคนใหม่อย่าง ราฟาเอล เซย์น ยูคีลด์ ไปแล้ว และถ้าเขาพบตัวเธอเข้าจริง เธอจะต้องจากที่นี่ไปอย่างแน่นอน เธอจึงตัดสินใจเปลี่ยนนามสกุลใหม่กลายเป็น ซาแมนเธีย ลาวีน เพื่อปิดตัวตนในที่สุด อุปนิสัย : ซาแมนเธียมองตัวเองเป็นสามมุมมองที่แตกต่างกัน หากมองผ่านมุมมองของคนทั่วไป แซมเป็นคนสุภาพ ยิ้มแย้มตลอดเวลา เป็นมิตรกับทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ถือตนเรื่องอายุและลำดับรุ่น เป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดในทุกเรื่อง โรแมนติกแต่เข้าถึงหัวใจได้ยากพอสมควร เว้นแต่เธอจะเป็นคนที่เข้าหาคนที่เธอสนใจเอง อีกมุมหนึ่งที่เมื่อสนิทกันขึ้นมาแล้ว คือแซมเป็นคนที่ชอบการแข่งขัน และการประลองท้าทายเป็นอย่างมาก หากได้ต่อสู้แล้ว แซมก็ไม่รู้จักคำว่ายอมและแพ้อีกเลย ไม่มีคำว่าเสมอสำหรับแซมในการต่อสู้ เธอต้องชนะเท่านั้น ส่วนมุมสุดท้ายที่นอกจากเธอและคนที่ไว้ใจแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเห็นได้ง่าย ๆ อีก คือ แปลก แซมมักชอบทำอะไรที่ชาวบ้านเขาไม่ทำกัน หรือคิดอะไรที่ชาวบ้านมองว่ามันประหลาด การกระทำบางอย่างที่จู่ ๆ เธอก็นึกจะทำตอนไหนก็ทำเสียตอนนั้น มักมาจากมุมนี้ของซาแมนเธียอยู่เสมอ
เฟสเคลม : Giselle (aespa) โค้ดสี : #AE2012 (Rufous) โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 10-01-2024, 04:12 AM โดย Samanthia Lavigne
07-07-2023, 04:25 AM
*ข้อที่มีการ Mark ไว้ = อ้างอิงจากผู้ปกครอง*
โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 02-26-2024, 11:12 PM โดย Samanthia Lavigne
07-07-2023, 04:55 AM
โพสต์นี้แก้ไขล่าสุด: 10-01-2024, 04:15 AM โดย Samanthia Lavigne
|
ผู้ที่กำลังดูกระทู้นี้: |
1 ผู้เยี่ยมชม |